“แรมโบ้” เดือด ฟาดปาก “วิโรจน์” เข้าข้างแอมเนสตี้มาทำลายชาติ ซัดส.ส.ฝ่ายค้านไม่เคยเข้าใจกฎหมายไทย

1513

หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อขับไล่องค์การนิรโทษกรรมสากลประจำประเทศไทย (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) ออกจากประเทศไทย ว่าขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีความผิดทางกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยด้วย ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้

ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแรงกดดันพอสมควร เพราะเป็นการให้ร้ายกับประเทศเรา ตนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับประเทศของเราอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเอ็นจีโอ ขณะนี้กำลังดำเนินการเรื่องกฎหมายอยู่ เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ถึงแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มีข้อความว่าการที่องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกแคมเปญรณรงค์ชวนคนไทยและคนทั่วโลกบอก รัฐบาลไทยให้ยุติการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมผู้เป็นจำเลยในคดีอาญานั้น เป็นการส่งเสริมการละเมิดสิทธิภายใต้หน้ากากขององค์กรสิทธิมนุษยชน

ต่อมาทางด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ออกมาทวีตข้อความถึงองค์กรแอมเนสตี้ ระบุว่า “Amnesty เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีสมาชิกกว่า 150 ประเทศ
หากพล.อ.ประยุทธ์ คุกคาม Amnesty อย่างไม่เป็นธรรม ก็จะทำให้ไทยถูกมองจากนานาอารยประเทศว่า เป็นประเทศที่ไม่ใส่ใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะถือเป็นความอัปยศ และเป็นเรื่องที่น่าอับอายในเวทีโลก”

ทำให้นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดใจ กล่าวถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ว่าการโพสต์ข้อความที่บอกว่าแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับ หากนายกฯ คุกคามจะถูกนานาชาติมองไทยไม่ใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยนายเสกสกล ระบุว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว แต่นายวิโรจน์ควรเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันว่าสิ่งที่แอมเนสตี้เคลื่อนไหวลักษณะช่วยกลุ่มม็อบนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะทำผิดกฎหมาย ก้าวล่วงสถาบัน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตนเองมั่นใจว่าเรื่องนี้นานาชาติเข้าใจดีว่าสถานการณ์ประเทศ และกฎหมายไทยเป็นอย่างไร จะมีก็แต่คนไทยด้วยกัน เช่น นายวิโรจน์ หรือ ส ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่ไม่เข้าใจกฎหมายของไทย

ตนเองและประชาชนที่รักสถาบันยังต้องดำเนินการทางกฎหมาย ตรวจสอบและกดดันขับไล่องค์กรนี้ออกไป โดยจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลายประเทศชาติ และสถาบันเด็ดขาด และในระยะยาวนายกฯบอกแล้วว่าต่อไปต้องออกกฎหมายควบคุม NGO เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ อย่างการขึ้นทะเบียนควบคุม การแจ้งที่มาของแหล่งเงินทุน “ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมกลุ่มนี้ เพราะไม่รู้ว่าใครมาดี มาไม่ดี

หากมาไม่ดีก็ต้องกำจัดออกจากประเทศไป นายวิโรจน์เป็นถึง ส.ส.ควรที่จะเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ไปเข้าข้างองค์กรที่มาทำลายชาติ บ้านเมือง แต่ไม่ใส่ใจ เห็นใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ อยากฝากเรียนคนไทยส่วนใหญ่ให้ทราบว่า พรรคการเมืองใด หรือ ส.ส.คนไหนที่ออกมาเข้าข้างสนับสนุนให้องค์กร หรือ NGO ต่างชาติที่คิดไม่ดีต่อประเทศไทย เอาเงินต่างชาติเข้ามาว่าจ้างให้คนไทยบางคนได้ทำผิดกฎหมายสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองและคิดร้ายต่อสถาบัน พรรคการเมืองและสส.คนนั้นสุดท้ายจะมีจุดจบ ชะตากรรมที่ไม่สวยมีอันต้องเป็นไป ได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างแน่นอน”