ปชช.เฮ!! ครม.เคาะแล้วลด-ยกเว้นภาษีรถEV ปรับโครงสร้างภาษีรถใช้น้ำมัน-อีโคคาร์-ไฮบริด

1167

กระทรวงการคลัง เสนอที่ประชุมครม. วันนี้ พิจารณามาตรการภาษี โดยออกเป็นกฎหมายหลายฉบับ ทั้งลด-ยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ EV แบบ CBU และครม. อนุมัติผ่านแล้ว ร่างกฎกระทรวงฯ ปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวม 27 ประเภท กระตุ้นให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ พัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง  เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียน

 

วันที่ 22 ก.พ.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้  มีมติอนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ.  ….   ซึ่ง การปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์ประเภทต่าง ๆ รวม 27 ประเภท โดยจะมีรถยนต์ ต้องจัดเก็บภาษีตามอัตราในร่างกฎกระทรวงนี้เมื่อกฎกระทรวง มีผลใช้บังคับ (วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา)  รวม 6 ประเภท ดังนี้  

  1. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle: PPV)  แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊ก ประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 78 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขจัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50  
  2. รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท ประหยัดพลังงาน แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) จัดเก็บ ภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวง มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 8 – 10

3.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท ประหยัดพลังงานแบบมาตรฐานสากล (Eco car)  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 14 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66     และตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 พิจารณาจากความจุกระบอกสูบ อัตราการปล่อย CO2  และการติดตั้งมาตรฐานความปลอดภัย ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่าร้อยละ 10 – 12   ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ อัตราภาษีจะเป็นไปตามอัตราของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน 

  1. รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) แบบผสมที่ใช้ พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 ตั้งแต่กฏกระทรวงมีผลบังคับใช้ 
  2. รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)  แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค. 68  ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0  และตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2  กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์   มีการจัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค. 68 และ 1 ม.ค. 69- 31 ธ.ค. 78 
  3. รถยนต์กระบะแบบเซลล์เชื้อเพลิง [Fuel Cell Powered Vehicle  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0   กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่วันที่ กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.68 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 

สำหรับรถยนต์ที่เหลืออีก 21 ประเภท จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี  69 – 78 ตามลำดับ ได้แก่  

  1. รถยนต์นั่ง ความจุกระบอกสูบ ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร แบ่งเป็น 3 ช่วง  คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 70 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 71 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 13 – 38   กรณี ที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ วันที่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่าร้อยละ 25 – 40 สำหรับรถยนต์นั่งความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตั้งแต่  1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 50 
  2. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle: PPV)   ความจุกระบอกสูบ 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตาม มูลค่าร้อยละ 18 – 50  ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20) ร้อยละ 16 – 50 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78    
  3. รถยนต์นั่งที่ผลิตจากรถยนต์กระบะหรือแชสซีส์และกระจก บังลมหน้า (Chassis With Windshield) ของรถยนต์กระบะ หรือดัดแปลงจากรถยนต์กระบะ    ที่ผลิตหรือดัดแปลงโดยผู้ประกอบอุตสาหกรรม ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2.5 – 40  ที่ดัดแปลงโดยผู้ดัดแปลง จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25   ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป   
  4. รถยนต์สามล้อชนิดรถสกายแลป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69  เป็นต้นไป 
  5. รถยนต์อื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ 1 – 5 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 50 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69  เป็นต้นไป 
  6. รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน  แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่  1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 70 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 71 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่าร้อยละ 13 – 38 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่  1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บ ภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 25 – 40    สำหรับรถที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 50 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป
  7. รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้ เป็นรถพยาบาล และรถยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ไม่เคยมีการจำหน่าย ในท้องตลาดเป็นการทั่วไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป  
  8. รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Electric Vehicle)     แบ่งเป็น 3 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 70 ตั้งแต่  1 ม.ค. 71 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 6 – 28  กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป มีการจัดเก็บ ภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15 – 30  กรณีที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 40 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป 
  9. รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 5 – 10  ตั้งแต่  1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป  กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วง  คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15 – 20   สำหรับความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 30  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป                   
  10. รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงาน แบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 1 กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป 
  11. รถยนต์นั่งสามล้อ และรถยนต์นั่งที่ผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ ของรถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร   รถยนต์สามล้อ  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2 – 4  รถยนต์นั่งที่ผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ของ รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 4 ตั้งแต่ 1 ม.ค 69 เป็นต้นไป 
  12. รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (No Cab) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 3 – 5 ตั้งแต่ 1 ม.ค 69 – 31 ธ.ค. 78  
  13. รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (No Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20)ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 2 – 4 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78 
  14. รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (Space Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทไบโอดีเซล (B20) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 3 – 7 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78                   
  15. รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวม น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลัง ที่นั่งคนขับ (Space Cab) ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 5 – 8  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78  
  16. รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตาม มูลค่าร้อยละ 8 – 13  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69  – 31 ธ.ค. 78 
  17. รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) ที่ใช้เชื้อเพลิง ประเภทไบโอดีเซล (B20) ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 6 – 12 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78   
  18. รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)   ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 -2   ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78 
  19. รถยนต์กระบะแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle)  ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่าร้อยละ 0 – 1   ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 78 
  20. รถยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ไม่เคยมีการจำหน่าย ในท้องตลาด จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69  
  21. รถยนต์ประเภทอื่น ๆ นอกจากข้อ 15 – ข้อ 26  ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 15 – 50  ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป โดยจะพิจารณาจากความจุกระบอกสูบ อัตรา การปล่อย CO2  

สำหรับ การปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้า รถจักรยานยนต์รวม 4 ประเภท ได้แก่  

  1. แบบพลังงานไฟฟ้า โดยจะพิจารณาจากแรงดันไฟฟ้า ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 0 – 10 ตั้งแต่ 1 ม.ค. พ.ศ. 69 เป็นต้นไป 
  2. แบบที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง หรือแบบผสมที่ใช้พลังงาน เชื้อเพลิงและไฟฟ้า ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 4 – 25 
  3. รถจักรยานยนต์ต้นแบบที่ผลิตหรือนำเข้ามาโดยมี วัตถุประสงค์เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0  ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป 4. รถจักรยานยนต์อื่น ๆ นอกจากข้อ 1 – ข้อ 3 แบ่งเป็น  2 ช่วงระยะเวลาคือ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 – 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 25 – 30

นายธนกร ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังกำชับให้มาตรการภาษี ให้เกิดประโยชน์ในการลงทุน และ เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี  เป้าหมายคือ ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กระตุ้นผู้ประกอบการปรับปรุงและพัฒนาสู่เทคโนโลยีทันสมัย การลดปล่อยก๊าซ CO2  และยังเป็นการสนับสนุน พลังงานสะอาด เพือลดโลกร้อน ตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย