ม็อบจลาจล!เผาของราชการ-ทุบทำลายธนาคารยับ!แต่เพื่อไทยยังกล้าแถลงขอยุติรุนแรงกับผู้ชุมนุม

1837

จากการชุมนุมของ”กลุ่มทะลุฟ้า” หรือม็อบ 11 สิงหา ดำเนินมาถึงเวลา 21.00 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้เข้ากระชับพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ประสบความสำเร็จในการเดินทางไปที่หน้าบ้านพักพล.อ.ประยุทธ์นั้น

ต่อมาบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง มีมวลชนรวมตัวประชิดแนวกั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน โดยพุ่งเป้าประกบเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่ง ทำให้มีการเริ่มปะทะเล็กน้อย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนให้ยุติการชุมนุม และอย่าทำลายทรัพย์สินราชการ เพราะมีความผิดตามข้อกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจำเป็นต้องสลายการชุมนุมขั้นเด็ดขาด ซึ่งทางฝั่งมวลชนได้เคลื่อนขบวนคาร์ม็อบมาป่วน และยังมีการบีบแตรส่งเสียงดัง พร้อมเริ่มขยับแถวขึ้นมายังแนวกั้นเจ้าหน้าที่เป็นระยะด้วย

นอกจากนี้เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ชุมนุม กำลังปาสิ่งของ รวมถึงพลุไฟ และมีการเผารถยกของตำรวจเขตดินแดง ก่อนจะเข้าบุกลากตู้คอนเทรนเนอร์ รวมทั้งเหตุหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวถึงกันมากทั้งภาพและคลิปวีดีโอ เมื่อผู้ชายหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มอาชีวะในผู้ชุมนุม ถูกแรงระเบิด จนมือข้างหนึ่งขาดกระจุย

กระทั่งเวลาประมาณ 20.30  น.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้เข้ากระชับพื้นที่แยกดินแดง พร้อมประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุม ม็อบ 11 สิงหารีบสลายตัวเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากกำลังเข้าสู่การประกาศเคอร์ฟิว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ แยกย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับมีพ่นสีสเปรย์และทุบทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ป้อมยามตำรวจ รวมถึงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งมีความพยายามจุดไฟเผารถตำรวจ

เวลาประมาณ 21. 00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน ได้มีการเข้าไปทุบทำลายธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้กระชับพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสำเร็จ

ด้านพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ระบุ  “ขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลโดยเฉพาะตัวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งในภาวะที่ประเทศประสบกับวิกฤติของโรคโควิด-19 ที่รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอย่างสิ้นเชิง จนวันนี้มีประชาชนติดเชื้อเกือบแปดแสนคน เสียชีวิตเกือบหกพันคน ซึ่งอาจจะถึงหนึ่งหมื่นคนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ธุรกิจเลิกกิจการ

ผู้คนตกงาน ประชาชนต้องทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย ขณะเดียวกันกลับมีข่าวการทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนและการกระจายวัคซีน กรณีดังกล่าวยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนยิ่งขึ้น แทนที่รัฐบาลจะรับฟังเสียงเรียกร้องดังกล่าวกลับสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทุกครั้ง  โดยไม่คำนึงถึงหลักสากลและความมีเมตตาธรรมต่อกัน ทั้งที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นเพียงลูกหลาน  ที่แสดงออกเพื่อต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาประเทศให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมองเห็นประชาชนเป็นผู้ร้ายที่ต้องดำเนินการอย่างรุนแรงและเด็ดขาด

พรรคเพื่อไทยมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้อำนาจของรัฐบาลและการใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย  โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดวิกฤติการณ์ดังกล่าว พรรคจึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ขอให้รับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเรียกร้องของประชาชนและหาทางออก ด้วยการเปิดเวทีรับฟังความเห็นและข้อเสนอของผู้นำการเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ แทนการใช้ความรุนแรงและจับกุมดำเนินคดี เพื่อหาทางออกจากวิกฤติการณ์ของประเทศในขณะนี้ให้เป็นไปด้วยสันติ ในระหว่างนี้

ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการปฏิบัติการ ที่รุนแรงต่อประชาชนโดยทันที และขอให้ผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญโดยยึดสันติวิธีในการแสดงออก”

กระนั้นเมื่อแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยออกมา ก็ถูกตั้งคำถามจากสังคม ประชาชนคนไทยเป็นอย่างมากว่า เป็นการสนับสนุน ให้ท้ายม็อบกระทำผิดกฎหมายหรือไม่??? หรือคนของพรรคเพื่อไทย มองไม่เห็น ไม่รับรู้สิ่งที่ผู้ชุมนุมกระทำ ไม่ว่า เผารถตำรวจ เผาป้อมตำรวจ ทุบทำลายของราชการ อีกทั้งยังทุบทำลายกระจกธนาคารอีกด้วย นี่ยังไม่นับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งปรากฏชัดว่า ใช้อาวุธปืนยิงตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม จนวันที่ 11 สิงหาคม ผู้ชุมนุมที่มีอายุเพียง 14 ปีใช้ประทัดยักษ์จะปาใส่เจ้าหน้าที่แต่ระเบิดใส่มือตัวเองจนขาดกระจุย!!!

ดังนั้นเองที่ชวนให้สังคมเกิดความสงสัยว่าพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย ทำราวกับเป็นแนวร่วมของม็อบ ทั้งที่ปรากฏชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง บางครั้งมองไปถึงขั้น คิดล้มล้างสถาบันฯกันเลยทีเดียว เช่นนี้พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นแนวร่วมม็อบล้มเจ้าหรือไม่??? และการจะไปจับมือตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคตหลังเลือกตั้งใหม่ จึงต้องส่งคำถามไปยังพลังประชารัฐด้วยว่า จะตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคที่เป็นแนวร่วมม็อบล้มเจ้า-ล้มสถาบันฯหรือไม่??? เพราะหากเรื่องเช่นนั้นพรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ประชาชนคนไทยจะฝากประเทศให้เข้ามาบริหารได้อย่างไร!?!?