APEC 2020 โลกจับตาทรัมป์เผชิญหน้าสี จิ้นผิง!?!คาดแค่ตอกย้ำยังเป็นปธน.สหรัฐ ขณะสีประกาศหนุนค้าเสรีโลก

1746

การประชุมในระดับผู้นำเอเปคจัดที่มาเลเซียทางออนไลน์ ประกอบไปด้วยสมาชิก 21 ประเทศในแถบแปซิฟิก รวมทั้งจีนและสหรัฐฯ 2 ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก มีสัดส่วนเศรษฐกิจร้อยละ 60 ของจีดีพีทั่วโลกปีนี้ทั่วโลกจับตาเป็นพิเศษเพราะมีโดนัลด์ ทรัมป์เผชิญหน้า สี จิ้นผิงแม้ผ่านทางออนไลน์ก็ตาม สีประกาศยุทธศาสตร์วงจรคู่หนุนค้าเสรีโลกพร้อมกับพัฒนาการบริโภคภายในประเทศ นำหน้าสหรัฐไปอีกหนึ่งก้าวสำหรับบทบาทในเวทีการค้าโลก

บลูมเบิร์ก รายงาน ทีมงานทำเนียบขาวยืนยันประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกินเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่จะจัดขึ้นในวันนี้ (20 พ.ย.2563) หลังจากที่หายหน้าไป เนื่องจากการขับเคี่ยวกับโจ ไบเดน พรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งสหรัฐ ที่ยังไม่จบกระบวนการ

ยองวูค ริว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอเชียตะวันออกและเอเชียแปซิฟิก มองว่าการปรากฏตัวของทรัมป์ในครั้งนี้อาจเป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์บางอย่างเนื่องจากทรัมป์ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับพหุภาคี

“ทรัมป์ต้องการแสดงให้เห็นว่าเขายังคงเป็นประธานาธิบดีและเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบ และส่งสัญญาณว่าเขาไม่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งมีจุดประสงค์ในทางการเมืองภายในประเทศมากกว่าการค้าในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้นำเอเปคคนอื่นๆ ที่จะจริงจังกับสิ่งที่ทรัมป์พูดในที่ประชุม แต่พวกเขาไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองในประเทศของสหรัฐ” ริวกล่าว

โอ อี ซุน นักวิเคราะห์จากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวกับเอเอฟพีว่าทรัมป์มีเป้าหมายที่จะใช้โอกาสนี้เสนอตัวเป็นประธานาธิบดีในเวทีระดับโลก เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองในประเทศ นอกจากนี้ยังต้องการย้ำถึงความสำคัญของการบริหารของเขาในการปกป้องและขัดขวางจีนจากการอ้างสิทธิ์ความเป็นผู้นำในวาระการค้าเสรีระดับโลก

เมื่อวันจันทร์ (16 พ.ย.2563) หอการค้าสหรัฐแสดงความกังวลว่า สหรัฐกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลังจากการที่ 15 ชาติเอเชียแปซิฟิกลงนามข้อตกลงการค้าเสรีใหญ่สุดของโลก ผนึกบทบาททางการค้าในภูมิภาคนี้ของจีนให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนข้อตกลงพันธมิตรข้ามแปซิฟิก (ทีพีพี) ที่มีมาก่อนก็ถูกทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกไป ตอนเขารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2560 ทุกฝ่ายจึงจับตาท่าทีของทรัมป์ในการประชุมครั้งนี้

จีนเน้นบริโภคภายในเป็นหลัก-เสริมภายนอกปท.

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แสดงสุนทรพจน์ในเวทีประชุมผู้บริหารตั้งแต่วานนี้ (19 พ.ย.) ระบุว่า จีนจะเดินหน้าลดภาษีและขยายการส่งออกสินค้าและบริการคุณภาพสูงต่อไป พร้อมให้คำมั่นผลักดันการปฏิรูป ส่งเสริมตัวแบบการเติบโตด้วยนวัตกรรม ที่เรียกว่ายุทธศาสตร์วงจรคู่

สีเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประสานนโยบายให้แข็งแกร่งกว่านี้ และว่า โลกาภิวัตน์ “ย้อนกลับไม่ได้” จีนจะไม่ใช้ “วิธีการตัดขาด” เศรษฐกิจจีนออกจากโลก

“ตัวแบบการพัฒนารูปแบบใหม่ของเราไม่ได้ใช้การไหลเวียนในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เปิดและส่งเสริมการไหลเวียนคู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ” ประธานาธิบดีสีกล่าว

ยุทธศาสตร์การพัฒนาวงจรคู่กำหนดว่า การพัฒนาจีนในระยะต่อไปจะพึ่งพาการไหลเวียนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหมายถึงวงจรการผลิต แจกจ่าย และบริโภคภายในประเทศ ได้แรงหนุนโดยนวัตกรรมเทคโนโลยีในประเทศ แต่แม้ว่าทางการจีนพยายามเพิ่มบทบาทการบริโภคภายในประเทศ แต่การส่งออกยังครองสัดส่วนใหญ่มากในเศรษฐกิจจีน

หากสังเกตถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสีเมื่อต้นเดือน พ.ย. ระบุว่า จีนจะเร่งลงนามอาร์เซ็ปแล้วเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนกับอียู และจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ซึ่งเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับจีน แม้ว่าจีนเติบใหญ่เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจประเทศหนึ่งแล้วก็ตาม พร้อมกันนั้นรัฐบาลจีนกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศด้วย ซึี่งช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น  บรรษัทข้ามชาติสนใจตลาดจีนเพราะใหญ่มากและเติบโตอย่างรวดเร็ว

รัฐบาลปักกิ่งยืนยันว่าจะอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้นตามกำลังความสามารถของแต่ละบริษัท และกล่าวว่า ประเทศของตนจะเข้าร่วมอย่างแข็งขันในความร่วมมือการค้าทั้งทวิภาคีและพหุภาคี สร้างเศรษฐกิจระบบเปิดที่มีคุณภาพมากขึ้น