“โอเพ่นโซไซตี้” มูลนิธิภายใต้เงื้อมมือจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินเบื้องหลังการโจมตีค่าเงินบาทไทยปี 2540 วันนี้พบเส้นทางการเงินหนุนขบวนการโจมตีสถาบันฯไทย ในและนอกประเทศ เส้นทางการเงินในนามมูลนิธิโอเพ่นโซไซตี้สนับสนุนโครงการสิทธิเสรีภาพ-ประชาธิปไตยกับองค์กรไม่แสวงกำไรหลายแห่งในไทยมาต่อเนื่องยาวนาน ดูรายชื่อบุคคลที่เป็นแกนนำม็อบปลดแอกก็จะเห็นว่าสัมพันธ์แนบแน่นกันมาไม่น้อย คำถามคือทำไมต้องโยงโจมตีสถาบัน และทำไมนักเคลื่อนไหว NGO และสื่อเลือกข้างจึงทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน
ทำไมสื่อต่างชาติพุ่งเป้าโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย?
ที่อังกฤษ:กรณีล่าสุดเร็วๆนี้ เอกอัครราชทูตไทยประจำลอนดอน ส่งหนังสือถึงไฟแนนเชียลไทม์สในวันจันทร์ (7 ก.ย.) ชี้แจงกรณีที่สื่อมวลชนแห่งนี้เผยแพร่บทความบ่งชี้ถึงความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ในหนังสือที่ส่งถึงหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส ฉบับออนไลน์ นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ระบุว่ารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อบทความหนึ่งในนิตยสารไฟแนนเชียลไทม์ส ที่เขียนถึงพระมหากษัตริย์ของไทย โดยระบุว่าจำเป็นต้องออกถ้อยแถลงนี้ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและแก้ไขเนื้อหาผิดๆ ของบทความดังกล่าว
คำชี้แจงของเอกอัครราชทูตระบุว่า “อย่างแรกเลยคือ ไม่มีกฎหมายข้อใดที่ห้ามพูดถึงพระมหากษัตริย์ การพูดคุยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมอบสิทธิสำหรับปกป้องสิทธิและชื่อเสียงแก่พระมหากษัตริย์ ราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในแนวทางเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทสำหรับบุคคลทั่วไป”
“ประเด็นต่อมา คือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่มีได้เป้าหมายจำกัดสิทธิของประชาชนในการแสดงออกอย่างเสรีหรือความชอบธรรมของเสรีภาพทางวิชาการ หรือการถกเถียงกันเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ในฐานะสถาบันหนึ่งๆ ในปัจจุบันกฎหมายนี้มีอยู่ในหลายประเทศ ในรูปแบบที่หลากหลาย และมีเป้าหมายปกป้องสถาบันกษัตริย์ ในขณะที่หน้าที่อันสูงสุดของสถาบันพระมหากษัตริย์กีดขวางไม่ให้สถาบันฯ แก้ต่างหรือฟ้องร้องทางกฎหมาย กับความคิดเห็นหมิ่นประมาท”
“อย่างที่ 3 คือ ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ปฏิบัติการอยู่ในเมืองไทยได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมาย รัฐบาลกำลังหาทางร่วมกับบรรดาบริษัทสื่อสังคมออนไลน์สำหรับจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่ละเมิดกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และคำร้องขอถอดหรือจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาทางออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย สอดคล้องกับกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของไทย”
“รัฐบาลไทยให้ค่าอย่างสูงต่อสิทธิการแสดงออก ในฐานะพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนอื่นๆทั้งมวล และในฐานะส่วนหนึ่งของเสาหลักในประชาธิปไตยของเรา” หนังสือชี้แจงระบุ พร้อมกับลงชื่อ นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน
ที่เยอรมันนี: จากความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ที่องค์กร PixelHELPER กระทำการใส่ร้ายโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งนำโดยนายโอลิเวอร์ เบียนคอฟสกี (Oliver Bienkowski) และนางจรรยา ยิ้มประเสริฐนั้น เมื่อสำรวจข้อมูลจากแหล่งข่าวต่างๆ พบว่ามีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การเคลื่อนไหวในต่างประเทศ มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองและกลุ่มทุนทั้งในต่างประเทศ และในประเทศไทย ความเชื่อมโยงในแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องกัน มีรายละเอียดดังนี้
Open Society Foundation (OSF)เป็นฐานทุนให้เคลื่อนไหวมานาน
-การเคลื่อนไหวใส่ร้ายโจมตีพระมหากษัตริย์ไทย โดยองค์กร PixelHELPER ของนายโอลิเวอร์ เบียนคอฟสกี (Oliver Bienkowski) ร่วมกับนางจรรยา ยิ้มประเสริฐ เจ้าของโปรเจกต์ ACT4DEM โดยใช้การฉายภาพเลเซอร์ ที่มีเนื้อหาเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และการกล่าวหากรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และการกล่าวหาในประเด็นของการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการทำคลิปดีปเฟก (deep fake) ตัดต่อภาพและเสียงของพระมหากษัตริย์ไทย โดยใช้เสียงพากย์ของจอม เพชรประดับ และ นายเอนก ชัยชนะ ซึ่งนอกจากองค์กร PixelHELPER แล้ว นายโอลิเวอร์ยังเป็นเจ้าของบริษัท CAVEMAN ที่รับงานทำแคมเปญการเมืองให้กับพรรค BÜNDNIS 90/DIE GRÜNEN พันธมิตรของ Heinrich Böll Stiftung และพรรค SPD พันธมิตรของ Friedrich Ebert Stiftung
-ทั้ง Heinrich Böll Stiftung และ Friedrich Ebert Stiftung เป็นองค์กร NGO ที่รับเงินร่วมสนับสนุนจาก Open Society Foundation (OSF) ของนายจอร์จ โซรอส ซึ่งทั้ง 3 องค์กรนี้ คอยสนับสนุนเงินทุนให้แก่กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งในเยอรมนี และในประเทศอื่นๆ รวมถึงในไทยด้วยเช่นกัน
-อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ สำนักข่าว Bild ในเยอรมนี ที่ทำข่าวความเคลื่อนไหวของนายโอลิเวอร์ นางจรรยา และทีมงาน ที่เคลื่อนไหวโจมตีพระมหากษัตริย์ไทย แต่เมื่อสืบประวัติและที่มาที่ไปก็พบว่า สำนักข่าว Bild เป็นธุรกิจสื่อในเครือของบริษัท axel springer_ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสำนักข่าว BUSINESS INSIDER
-เมื่อสืบค้นต่อไปถึงข้างบน ก็พบชื่อของนายเมเธียส ดอปฟ์เนอร์ (Mathias Döpfner) เป็น CEO บริษัท axel springer_ และเป็นกรรมการ (director) บริษัท Netflix ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือนายมาร์ติน วาร์ซาฟสกี (Martín Varsavsky) กรรมการ axel springer_ ซึ่งปรากฏว่า นายมาร์ติน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับนายจอร์จ โซรอส (George Soros) เป็นอย่างดี เนื่องจากนายโซรอส เป็นลูกค้าคนแรกที่ซื้อหุ้นบริษัท Viatel ของนายมาร์ติน จึงทำให้ทราบได้ว่านายโซรอสเชื่อมโยงกับบริษัท axel springer_ ผ่านนายมาร์ติน และยิ่งทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า สายสัมพันธ์ทางการเงินและทางการเมืองในต่างประเทศ มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย
-เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าองค์กร Open Society Foundation (OSF) เป็นของนายจอร์จ โซรอส (George Soros) ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก เคยปรากฏเป็นข่าวว่าเป็นผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางสังคม กลุ่ม Black Lives Matter ในสหรัฐฯ และ มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสนับสนุนผู้ประท้วงต่อต้านกฎหมายของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในฮ่องกง อีกยังเคยตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้สนับสนุน แนวคิดการลดทอนความเป็นชาตินิยมในประเทศกลุ่มสังคมโลกตะวันตก สำหรับประเทศไทยนั้น นาย จอร์จ โซรอส เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในปี ค.ศ. 1997(พ.ศ.2540) จากการโจมตีค่าเงินบาทของไทย
-เมื่อสืบค้นดูข้อมูลทางการเงินของ OSF เพิ่มเติมก็เห็นได้ว่า เส้นทางการเงินได้เชื่อมโยงมาถึง Freedom House, Human Rights Watch, FCCT, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR), และ Amnesty International โดย Amnesty สามารถเชื่อมโยงถึงพรรคอนาคตใหม่ได้ ผ่านนายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งนายชำนาญ เคยเป็นประธาน Amnesty International Thailand เช่นเดียวกับ Demosisto พรรคการเมืองในฮ่องกงของนายโจชัว หว่อง (Joshua Wong) ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Amnesty International เหมือนกัน
-อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ช่วงที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวในไทย มีการทำแคมเปญโฆษณา “นัดรวมพล ลิเวอร์พูลกับประชาธิปไตย” ขายเสื้อระดมทุนจัดกิจกรรม ผ่านเลขที่บัญชีธนาคาร โดยมีชื่อของนายศศวัชร์ คมนียวนิช และนางสาวอรัญญิกา จังหวะ เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ซึ่งนายศศวัชร์มีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกของ Amnesty International Thailand ทำให้ทราบได้ว่า บุคลากรขององค์กร Amnesty International Thailand ที่ได้รับเงินจาก OSF เป็นผู้ดูแลการระดมเงินจัดกิจกรรมทางการเมือง
-เส้นทางการเงินของ OSF ยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มองค์กรอีกหลายแห่ง ได้แก่ โครงการ Café Democracy ของห้องสมุด Book Re:public จังหวัดเชียงใหม่, iLaw, Thai Netizen Network, สำนักข่าวประชาไท, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-มีเอกสารหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่า OSF สนับสนุนเงินทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ให้แก่ม.ธรรมศาสตร์และโครงการ “ศูนย์ข้อมูลประชาธิปไตย” ของสำนักงานห้องสมุดม.ธรรมศาสตร์ เพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูลทางการเมืองและตำราการเรียนการสอน ซึ่งในม.ธรรมศาสตร์ มีมูลนิธิโครงการตำราฯ รวมอยู่ด้วย อีกทั้งความเคลื่อนไหวของนักศึกษา ทั้งพรรคใต้เตียงมธ. และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่มี “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นแกนนำ ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้รับเงินจาก OSF
–มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์, ห้องสมุดสันติประชาธรรมของเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล, และกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่นายเนติวิทย์ และนายเพนกวินเคยเป็นสมาชิกคนสำคัญ โดยทั้ง 3 องค์กรนี้ รวมถึงบุคคลที่บริหารองค์กรเหล่านี้ ล้วนแล้วมีความเชื่อมโยงในการทำงานร่วมกับสำนักข่าวประชาไท ซึ่งได้รับเงินจาก OSF ของนายโซรอส
–องค์กร FORSEA ของนายปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ แอดมินกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส ก็มีความเชื่อมโยงกับ Amnesty International โดยได้มีการรวมกลุ่มทำงาน ชื่อว่า “พลังใหม่เอเชียอาคเนย์” ร่วมกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข , เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล (อดีตกรรมการแอมเนสตี้) , ศรัญญา แก้วประเสริฐ และ นาดีน อูบี นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในยุโรป ซึ่ง องค์กร FORSEA เคยทำกิจกรรม แถลงการณ์ประณามประเทศไทยในหลายเหตุการณ์ อาทิ จ่านิวถูกทำร้ายร่างกาย , การหายตัวไป ของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และล่าสุด องค์กร FORSEA ก็ได้ทำการโปรโมท กลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส อย่างเต็มตัว
โปรดสังเกตุรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวพันกับองค์กรเหล่านี้มีพฤติกรรมกล่าวร้ายโจมตีสถาบันตลอดมา และหนักข้อขึ้นในปัจจุบันแม้ว่าจะมีสื่อเลือกข้าง นักวิชาการ นักธุรกิจรายใดเมินหน้าหนีข้อมูลเหล่านี้ และพยายามชี้ว่าเป็นข่าวบิดเบือน เป็นข่าวปฏิบัตการจิตวิทยาของรัฐบาลและทหาร (ที่เรียกว่า IO)โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข่าวได้ เพราะ “พฤติกรรมนั้นส่อเจตนาอย่างไร ไม่อาจปิดบัง ด้วยรอยเท้าแห่งพฤติกรรมนั้นชัดเสียยิ่งกว่าชัด”
ขอบคุณแหล่งที่มา
https://www.facebook.com/thvi5ion/photos/breaking-news
https://www.facebook.com/themettad/posts/1024347797713861/