หลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเคลื่อนไหวปมรัสเซีย- ยูเครน ระบุถึงแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศไทย
คือการยึดถือหลักการสากลว่า การใช้กำลังรุกรานระหว่างรัฐนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ โดยระบุว่า ผมเข้าใจดีที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การไม่เลือกข้างเป็นเรื่องที่ดีที่สุด” ผมเห็นด้วยครับว่า เราไม่ควรที่จะเลือกเข้าข้างมหาอำนาจฝ่ายไหนหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่การไม่เลือกข้างไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรแสดงท่าทีหรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใด ๆ ในโลกนี้ สิ่งที่ประเทศไทยควรทำคือการดำเนินนโยบายต่างประเทศไทยที่ยึดหลักความถูกต้องชอบธรรมตามหลักกฎหมายและกติกาสากลระหว่างประเทศ การไม่เลือกข้างควรจะมีพื้นฐานมาจากการยืนอยู่บนหลักการที่อาจจะไม่ได้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย แต่เป็นความถูกต้องที่มีพื้นฐานมาจากผลประโยชน์แห่งชาติและหลักการสากลอันจะสร้างความชอบธรรมให้กับการต่างประเทศไทย และผมเชื่อว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ไทยจะมีจุดยืนต่อต้านสงคราม และประณามผู้ก่อสงคราม อันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติและสันติภาพของโลก
ล่าสุดทางด้านดร.เสรี วงษ์มณฑา ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแสดงท่าทีเป็นกลาง ไม่ใช่นกสองหัว ไม่ประณามฝ่ายใด เพราะไม่ใช่วิเทโศบายของไทย ไม่จำเป็นต้องรีบแสดงท่าที เพราะเราต้องรักษามิตร ถ้าจะมีบทบาทก็คือการเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อสันติภาพ ประเทศไทยมีวิเทโศบายที่ดีมาแล้วทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 คราวนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราต้องใช้ไหวพริบสติปัญญาในการกำหนดวิเทโศบาย เราจะไม่รีบร้อนกระโจนเข้าไปแสดงท่าทีใดๆในเวทีนี้ และเราคงไม่ยอมให้ใครมากดดันให้เราแสดงท่าที ที่ทำให้เราเสียมิตร ขอบคุณฝ่ายค้านที่ไม่กดดันรัฐบาลให้แสดงท่าทีในเรื่องนี้ การติดตามข่าวสารจากแต่ละฝ่ายต้องใช้วิจารณญาณให้ดีนะคะ
อย่างไรก็ตามได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนก่อนหน้านี้ว่า ไม่อยากให้ฝ่ายค้านออกตัวแรง บางเรื่องต้องนิ่งเงียบไว้บ้าง เชื่อว่ารัฐบาลจะจัดการแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ยิ่งพูด จะดูเหมือนว่า นายพิธาอยากจะชักศึกเข้าบ้าน
