สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2564 ที่นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อัพเดทอาการป่วยจากโควิด-19 ว่าพ้นวิกฤต และอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมเผยว่าได้ริเริ่มโครงการ “ณวัฒน์เพื่อคนไทย”
ก่อนจะฝากข้อความไปถึง ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่า “ผมอยากให้เจ้าสัวบริจาคให้ผม 100 ล้านบาท เข้าโครงการณวัฒน์เพื่อคนไทย โดยเร็วที่สุด”
ต่อมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตอบกลับณวัฒน์แล้ว ระบุว่า เครือซีพีรวมพลังช่วยไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ควักแล้วนับพันล้าน ระดมสรรพกำลังทุกบริษัทในเครือสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องมือแพทย์ เต็นท์ความดันลบ เครื่องช่วยหายใจ ช่วยแล้วมากกว่า 2,000 โรงพยาบาลรวมถึงชุมชนกลุ่มเปราะบาง อีกทั้งจัดจุดฉีดวัคซีนวัคซีนนอกโรงพยาบาล แจกหน้ากากอนามัยฟรีไปแล้วกว่า 16 ล้านชิ้นนั้น
ล่าสุดวันนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ออกมาไลฟ์สด ระหว่างที่ยังรักษาตัว ประกาศว่าจะขอลาออกจากการทำหน้าที่พิธีกรรายการที่ทำกับช่อง 3 ทุกรายการ และจะไม่ขอร่วมงานอีกต่อไป พร้อมกับให้เหตุผลว่าเนื่องจากตนเองนั้นไม่ต้องการรับเศษเงินจากบริษัทในเครือยักษ์ใหญ่ โดยระบุว่า
“ผมขอประกาศตั้งแต่วินาทีนี้ ผมหยุดบทบาทพิธีกรรายการครัวคุณต๋อยตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่อยากก้มเอาเศษตังค์มัน เชิญ ส่วนรายการอื่นเดี๋ยวจะเคลียร์ มันเริ่มบีบสถานี ผมไม่ซัพพอร์ตพวกคุณเด็ดขาด ไม่มีทางและอย่าคิดว่าผมกลัว ไม่กลัวหรอก และด้วยความเคารพ ผมเคารพทุกคนที่ทำงานด้วยกัน เลยปล่อยตัวเองให้ฟรี ผมไม่อยากให้คุณเอาเศษตังค์
ทีวีไม่มีอนาคตหรอก เรื่องเยอะ กสทช.เรื่องเยอะ องค์กรตั้งขึ้นมาจากผู้มีอำนาจเท่านั้น ถามนิดนึง ทำครีมทาหน้าให้ขาว พูดออกทีวีไม่ได้ และภาษาที่บ้าน หน้าขาวเรียกอะไร เรียกหน้าเขียวเหรอ ชอบโกหกกัน ขาวพูดไม่ได้ นี่คือความปัญญาอ่อนของระบบ แหม! ของเจ้าสัว พูดได้ทุกอย่าง แต่พอตัวเล็กขาวไม่ได้ ให้สว่าง จับไปเรียนหนังสือ คำว่าสว่างมันไม่ใช่อาการของผิว โง่ เพ้อป่าว
สำหรับพวกเราอะไรก็ไม่ได้ จริงไหม นี่คือหายนะของทีวีมาจากพวกคุณ เสียเวลา เพ้อเจ้อ ไม่แฟร์แต่ยอม เท่ากับส่งเสริมความเจ๊งให้กับประเทศต้องเสมอภาค ทำไม ยี่ห้อนึงไม่อยากจะพูด ไม่กี่สิบบาท ขาววันรุ่งขึ้น และสถานีก็น้อมรับมา ไม่มีอนาคต ดูผลประกอบการณ์แต่ละบริษัท ยอมผูกขาด อย่าลืมนะเราเป็นเจ้าของประเทศ อย่าใจเสาะ ช่องไม่ต้องมาวอรี่นะ ไม่ต้องหวาดผวาว่าจะไม่ได้เศษเงินเจ้าสัว จะบอกให้นะ ต่อไปนี้เราจะเจอกันบนโซเชียล ทุกคนเข้าใจนะครับ เราจะไปทางไหน เราจะไม่กลัวใคร ผมทำจริง วันนี้ผมก็ขนของทั้งวัน ที่ออฟฟิศย้ายโกดัง พลังพวกเราจะไม่มีวันสูญเปล่า ต้มน้ำกิน ไม่ได้รณรงค์ให้แอนตี้ แต่ด้วยสิทธิของมนุษย์ถูกเอาเปรียบ ถูกใช้มาตรฐานไม่เท่าเทียม เราต้องปกป้องตัวเราในการปฎิเสธ ไม่สนับสนุนกิจการร้านสะดวกซื้อ งดหยอดเงินให้เจ้าสัว เอาพลังมันลง เอาเงินลง 1 แสนล้านที่ได้กำไรปลายปีที่ผ่านมา มันคือหยาดเหงื่อของพวกเรา
“ความเป็นมนุษย์ไม่ได้วัดด้วยเงิน แต่วัดด้วยอุดมการณ์ของพวกเรา ใครอยากสนับสนุนผมซื้อของผม ผมไม่ว่า ขอบคุณทุกท่าน เราจะไปด้วยสมอง พูดด้วยความจริง ถ้าทำให้เราตาย ก็ภูมิใจกว่าคนหลอกลวง”