เฮกันสนั่น!? แห่ชม “รัฐบาลบิ๊กตู่” เที่ยวบินแรก ซาอุ-ไทย เตรียมลงจอด เงินไหลเข้าประเทศ

1347

หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เยือนซาอุฯอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนม.ค. 2565 ที่ผ่านมา และในตอนนั้น สายการบินซาอุดี อาราเบียน แอร์ไลน์ส ได้แถลงผ่านข้อความที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์เมื่อวันอังคาร (25 ม.ค.) ว่าจะเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินตรงสู่ประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมนี้

 

 

 

ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ความร่วมมือในสาขาด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หลังกรณีสายการบิน Saudi Arabian Airlines ประกาศเตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจากซาอุดีฯ-ไทย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นการประสานความสัมพันธ์ไทยและซาอุดีอาระเบียครั้งประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เกิดโอกาสของความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศตามมามากมาย ทั้งด้านการค้า การลงทุน แรงงาน และล่าสุดด้านการท่องเที่ยว ที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ภายหลังจากสายการบิน Saudi Arabian Airlines พร้อมเปิดเที่ยวบินตรงสู่ไทย เป็นการตอกย้ำความสำเร็จซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายอย่างรอบด้านของนายกรัฐมนตรีที่ได้สั่งการให้รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการทันทีให้คืบหน้า จัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือ และประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีให้เป็นผลและเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

 

ทั้งนี้จากการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับร่วมมือผลักดันการทำงาน โดยในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะนำคณะหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนไปซาอุฯ และทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้วางแผนนำผู้ประกอบการภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเดินทางไปซาอุฯ ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียมาไทยให้ได้ถึง 2 แสนคน สร้างรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ในปี 2565 นี้

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ระหว่างการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยกับกระทรวงท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมการทำตลาดท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง พร้อมส่งเสริมให้ผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีฮัจญ์ และพิธีอุมเราะห์ รวมถึงการขยายเวลาพำนักในประเทศซาอุฯ ให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่าแสวงบุญ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งร่าง MOU ไปให้ทางซาอุฯ พิจารณา

“ผลสำเร็จของการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทยและซาอุฯ นอกจากจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับทั้งสองฝ่ายมากขึ้น เป็นการสร้างมิติทางความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น และยังจะสร้างผลประโยชน์ และโอกาสต่อยอดด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยอีกมาก โดยชาวซาอุฯ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง และเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญตามนโยบายที่ไทยผลักดัน Medical Hub และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness ตอบรับแนวทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน สิ่งเหล่านี้จะพัฒนาการท่องเที่ยวไทย และสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวของไทยมากขึ้นในอนาคต”

อย่างไรก็ตามได้มีกระแสชื่นชมว่าการฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ นั้น เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำตามที่ได้พูดไว้อย่างแท้จริง เรื่องจะกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งออกแรงงานไทย ดึงเงินเข้าประเทศเพื่อพลิกฟื้นการท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ยังมีคอมเม้นต์ระบุถึงพลเอกประยุทธ์ด้วยว่า ฝ่ายไหนจะชอบ หรือไม่ชอบ ขอให้ข้ามประเด็นนี้ไปก่อน แต่เรื่องผลงานที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำได้ และช่วยประชาชน ประเทศชาติได้ อันนี้ต้องชื่นชมและยกย่อง สนับสนุน