คนไทยแห่ชม “แคนาดา” ประเทศที่ “ธนาธร” เคยชื่นชม หลังสลายการชุมนุมดุเดือด อายัดบัญชีแกนนำ!

1946

สามนิ้วปิดปากเงียบ!? คนไทยแห่ชม “แคนาดา” ประเทศที่ “ธนาธร” เคยชื่นชม หลังสลายการชุมนุมดุเดือด อายัดบัญชีแกนนำ!?

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 สำนักข่าวต่างประเทศ ได้มีรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติแคนาดา ได้ส่งกำลังควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. เข้าสลายการชุมนุมของม็อบขบวนเสรีภาพ หรือ Freedom Convoy

ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้รวมตัวกันประท้วงเพื่อต่อต้านนโยบายการบังคับฉีดวัคซีน โดยได้มีการรวมตัวกันที่บริเวณใจกลางกรุงออตตาวา และปักหลักประท้วงที่หน้าบริเวณรัฐสภา มานานหลายสัปดาห์

โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่มีการเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด ได้มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ใช้อาวุธสงครามชี้ไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่กลุ่มใหญ่เข้าสลายการชุมนุม ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนสามารถจับผู้ชุมนุมได้กว่า 170 คน พร้อมรถของกลุ่มผู้ชุมนุม 46 คัน

ในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลพรรคเสรีนิยมแห่งแคนาดา ของ นายจัสติน ทรูโด ยังทำให้มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดท่อน้ำเลี้ยงโดยสามารถออกคำสั่งให้ธนาคารและสถาบันการเงินทั่วแคนาดา อายัดบัญชี และระงับการโอนเงินเข้าออกบัญชีของทั้งแกนนำม็อบและผู้ที่เกี่ยวข้องกับม็อบทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นการปราบการชุมนุมที่เด็ดขาดมาก

ทั้งนี้ยังได้มีประชาชนชาวไทยจำนวนมาก เมื่อเห็นข่าวนี้ก็ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น ในทำนองว่าอยากให้ประเทศไทยเด็ดขาดแบบนี้บ้าง เช่น ถ้าเกิดขึ้นไทย ประเทศพวกนี้จะบอกว่าไม่มีสิทธิมนุษยชน , ตัวอย่างวิธีดำเนินการกับฝูงชนผู้ปั่นป่วนบ้านเมือง อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลพลเรือนประเทศประชาธิปไตย , แอมเนสตี้ต้องมาแล้ว , ปกตินี่เกาหลีเหนือ อ้าวไม่ใช่ โทษๆ , ถ้าการเมืองดีย์ เป็นต้น

ซึ่งถ้าหากลองย้อนกลับไปเมื่อช่วง เดือนกันยายน ปี 2561 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้นได้รับเชิญ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ให้ร่วมงานเลี้ยงรับรองและสนทนากันถึงสถานการณ์การเมือง โดยทรูโดยังได้กล่าวสนับสนุนการตั้งพรรคอนาคตใหม่ และขอเป็นกำลังใจให้ธนาธรประสบความสำเร็จในภารกิจการสร้างประชาธิปไตยในไทย

สื่นหลายสำนักที่สนับสนุนการชุมนุมออกนอกหน้านอกตา ต่างพากันเชิดชู จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยังชื่นชมในความเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สลายกราชุมนุมที่เรียกได้ว่ารุนแรงกว่าประเทศไทยไปอีกขั้น กลับไม่มีการพูดถึงแต่อย่างใด