เทาะใจขวัญชัย แดงแท้รักเจ้า ประกาศไม่ร่วมม็อบจตุพร เคยเตือน3กีบอย่าแตะสถาบัน

7441

ทำท่าว่าจะไปไม่รอด แต่ก็ยังโหมกระพือปลุกระดมในแบบฉบับ ตู่ จตุพร ซึ่งในช่วง2-3วันนี้คงต้องปล่อยไปก่อน ว่ากันว่าของจริงอาจมาหลังสงกรานต์ กับขบวนการไล่พลเอกประยุทธ์ แม้เสื้อแดงหลายกลุ่มประกาศไม่ร่วมสังฆกรรม!!!

ล่าสุดวันนี้ 6 เมษายน 2564 นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จังหวัดอุดรธานี ออกมาปรากฏตัวหลังห่างหายไปนานพอสมควร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมที่มีกลุ่มคน 2 ขั้วมาชุมนุมตอนนี้ นั่นคือ ม็อบไทยไม่ทนที่นำโดยนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.

“ขอบอกว่าความจริงก็คือความจริง ทุกวันนี้คนเสื้อเหลืองก็ไม่ใช่ว่าไม่รักชาติ ไม่รักประชาธิปไตย เขารักประชาธิปไตย แต่อยู่ที่การนำชักจูงไปในทางหนึ่งทางใดไม่ถูกต้อง แล้วก็กลับมาเป็นอิสรเสรีภาพ นี่คือมวลชนที่แท้จริงที่รักประชาธิปไตย รักความถูกต้อง ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนรากหญ้ารวมตัวกันขึ้นมาโดยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครจ้างด้วย ขอยืนยันว่าจะให้ผมไปเป็นแกนนำคนคนเสื้อแดงอุดรธานี พามวลชนเดินทางไปชุมนุม ไปไหนต่อไหน ผมไม่ทำแล้ว ขอปล่อยวาง ไม่ไหวแล้ว เพราะผมมีภรรยาเป็น ส.ส. มีลูกชายเป็น สจ. เราก็ไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย และไม่ชี้นำอะไรทั้งสิ้น

ปล่อยให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปตามธรรมชาติดีกว่า เราไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นเพราะวันนี้เป็นวันของเด็กรุ่นใหม่ เราคนรุ่นเก่าก็อยู่เบื้องหลัง คอยให้กำลังใจให้คำแนะนำ ขอฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมให้กำลังใจนายจตุพร และพี่น้องผองเพื่อนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ขอให้สามัคคีกันไว้ดีที่สุดอย่ามาทะเลาะกันเอง มันจะเข้าทางฝ่ายผู้มีอำนาจ เราอย่าไปหลงทางเขาเด็ดขาด” นายขวัญชัย กล่าว

ทั้งนี้ นายขวัญชัย ยังกล่าวอีกว่า จะมีคนเสื้อแดงอุดรธานี ยกทัพไปเสริมการชุมนุมที่กรุงเทพฯหรือไม่นั้น ตอนนี้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งก็ปล่อยให้สมาชิกพากันไปเอง เนื่องจากสมาชิกคนเสื้อแดงยังมีความมุ่งมั่นในเรื่องระบอบประชาธิปไตยอยู่ ก็จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกันอยู่ หลังสงกรานต์ก็เห็นว่าจะมีหลายคันรถตู้ ซึ่งก็เป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน

“บอกตรงๆตอนนี้ตนเองขอเก็บตัว อยู่เฉยๆให้เด็กรุ่นใหม่ เขาเคลื่อนไหวกันไป เรามันหมดยุคของเรา และการเคลื่อนไหวทางการเมืองนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะภรรยาเป็นส.ส. ลูกชายเป็น สจ. คือเราไปยุ่งมากก็จะทำให้เสียหายด้วย ก็เลยเลือกอยู่เฉยๆดีกว่า” นายขวัญชัย กล่าว

ก่อนหน้านี้ คือเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของม็อบคณะราษฎร ในวันที่ 14 ตุลาคมว่า ตนเคยเป็นอดีตแกนนำ นปช. อดีตแกนนำคนเสื้อแดง มีความดีใจมากที่สุดในวันนี้ที่เห็นอดีตคนเสื้อแดงทั่วทั้งแผ่นดินได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประกาศจุดยืนจะไม่มาร่วมการชุมนุม คนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตย มีจุดยืนคือปกป้องสถาบันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง

“ขอบคุณไปถึง คุณขวัญชัย ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร ชาวอุดรธานีทั้งหลายทั้งปวง และชาวอีสานทุกคนซึ่งเห็นจุดยืนของคุณขวัญชัย ไพรพนา แล้วว่าได้ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง และไม่ได้เกี่ยวข้องการชุมนุมครั้งนี้ ตลอดจนขวัญชัยยังประกาศจุดยืนชัดเจนว่าเทิดทูนสถาบันปกป้องสถาบันฯ และไม่ต้องการที่จะให้ใครมาร่วมในการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ 14 ตุลา ร่วมกับกลุ่มที่ก้าวล่วงสถาบันฯ” นายสุภรณ์ กล่าว

ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เม็กกะเฮิร์ต บ้านหนองลีหู  นายขวัญชัย ได้ออกมากล่าวถึงกลุ่มคณะราษฎร ชุมนุมที่กรุงเทพฯ ว่า ช่วงนี้ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยตลอด เห็นใจบรรดานักเรียนนักศึกษาเด็กรุ่นใหม่  มีความตั้งใจดีที่จะออกมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ทางที่ดีขึ้น แต่มันก็มีบทเรียนมาแล้ว คือเราดูสถานการณ์แล้วมันไม่เอื้อ

“ความแตกต่างของการชุมนุมระหว่างอดีตและปัจจุบัน จะแตกต่างกันที่หัวจิตหัวใจ ความตั้งใจของคนเสื้อแดงในยุคนั้น มันมีทั้งความเสียสละออกมาเรียกร้อง ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความยุติธรรม สังเกตได้จากการดูข่าวคราวของคนอุดรมาตลอดว่า เวลาเราเคลื่อนไหวแต่ละที จะมีข้าวสารอาหารแห้งไปกันเต็มรถเต็มรา รถบรรทุก 2 คันขนไป นั่นคือความเสียสละของประชาชน ค่ารถคนละ 4-500 บาท เขาก็บริจาคกันได้ ไปกันกันที 20 คันรถทัวร์ ค่ารถ 7-8 แสน เราก็หาได้ โดยใช้เงินจากประชาชน นั่นคือความเสียสละจริงๆ มันจึงมีพลัง”

กระนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้ประเด็นเรื่องของสถาบัน คนเสื้อแดงที่มีเข้าไปร่วมชุมนุมด้วย จะเข้าใจไหม นายขวัญชัยฯ ตอบว่า คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว ที่ไปก็มีบางส่วนเท่านั้นแหละ บางทีอาจจะมีคนไม่เต็มใจในเรื่องนี้ แต่ไปร่วมงานเฉยๆ แต่ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลง 3 หัวข้ออะไรต่าง ๆ นั้น

“ตนว่ามันเกินไป สิ่งเหล่านี้เราพูดกันมานานแล้ว ทั้ง นปช.ก็พูดมาแล้ว ก็มีจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ควรไปแตะต้อง ไม่ควรไปก้าวล่วง เป็นแนวทางอยู่แล้วคนเสื้อแดงที่อุดรธานีเป็นอย่างนี้มาตลอด เราทำมาหากิน เรารู้จักกาลเทศะ อะไรควรไม่ควรเรายอมรับมาโดยตลอด

เราจะเคลื่อนไหวอะไร เราต้องมั่นใจว่าเรามีคำตอบให้กับสังคมได้ นี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คนน้อยลง ไม่อย่างนั้นคนจะมากกว่านี้ เอาจุดเดียวประเด็นเดียวเลยว่าเราไม่เอาประยุทธเท่านั้นแหละ ตนว่าคนออกมามืดฟ้ามัวดิน ประชาชนคนอุดรนี่เป็นแสนครับ ตนกล้าพูดได้เลย ถ้าหากเป็นอย่างนี้ ตนอาจจะกลับเข้ามาร่วมช่วยนักศึกษาด้วย แต่ประเด็นอื่นเข้ามาต่อยอดอย่างนี่ ทำให้เราเสี่ยงเกินไปที่จะออกไปชุมนุม”

นอกจากนี้ อดีตประธานชมรมคนเสื้อแดงรักอุดร ยังกล่าวฝากลูกหลานในช่วงท้ายด้วยว่า การต่อสู้เหมือนการขว้างไข่ใส่หิน ไม่มีโอกาสชนะ เพราะฉะนั้นอยากให้อยู่ในขอบเขตอยู่ในวงจำกัด อย่าขยายความไปมาก โดยเฉพาะสถาบันอย่าไปแตะต้อง เกิดมาก็รู้จักแล้วว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่ยึดมั่นเอาไว้ ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชัดเจนอยู่แล้ว คนไทยทุกคนออกมาพูดกันอายุเกือบ 100 ปี อายุ70-80ปี ก็ปลูกฝังให้ลูกหลานของจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าอยู่ในสายเลือดคนไทยไปแล้ว