แจ็ค หม่าอ่วม!?วอชิงตันลุยสอบธุรกิจคลาวด์ ขวางอาลีบาบาโตในเมกา หวั่นเป็นภัยความมั่นคงสหรัฐฯ

955

อาการจิตตกหวาดระแวงของสหรัฐอเมริกาเข้าขั้นอย่างหนัก อะไรที่เป็นของจีน-รัสเซีย อเมริกาป้ายหน้าผากว่า ไม่ดีหมดจะเป็นภัยความมั่นคงทั้งหมดทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีชั้นสูง และเศรษฐกิจดิจิทัล มีความระแวงสูงเพราะตามไม่ทันฝ่ายจีนหลายด้าน ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบธุรกิจบริการคลาวด์เซอร์วิสของบริษัทอาลีบาบา ของแจ็ค หม่า เรื่องการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินทางปัญญาในสหรัฐฯ หวั่นรัฐบาลปักกิ่งสามารถเข้าถึงได้  วิตกว่าอาจเสี่ยงเป็นภัยความมั่นคงประเทศ  น่าคิดว่าทำไมจีนจึงไม่ห้ามแอ็ปเปิลขยายธุรกิจในจีน เพราะก็มีเทคโนโลยีที่สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน

 

วันที่ 19 ม.ค.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า รัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กำลังตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่จีน “อาลีบาบา” ของแจ็ค หม่า ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงสหรัฐฯ หรือไม่

ทั้งนี้ แหล่งข่าว 3 คนที่ได้รับรายงานสรุปในเรื่องนี้ชี้ว่าหัวใจของการสอบสวนอยู่ที่ว่าบริษัทอาลีบาบาเก็บข้อมูลยูสเซอร์ในสหรัฐฯ อย่างไร ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินทางปัญญา และยังรวมไปถึงประเด็นที่ว่ารัฐบาลปักกิ่งสามารถเข้าถึงได้หรือไม่

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งจะปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของยูสเซอร์ในสหรัฐฯ ในระบบเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบานั้นเป็นอีกความวิตกกังวลหนึ่ง

สหรัฐฯ สามารถสั่งบริษัทอาลีบาบาให้ออกมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของตัวเอง หรือสามารถสั่งห้ามประชาชนอเมริกันทั้งในประเทศและต่างประเทศใช้บริการคลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบาไปพร้อมกันได้ในขั้นต่อไป

ทั้งนี้ ในอดีตกระทรวงพาณิชย์สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความวิตกเกี่ยวกับธุรกิจคลาวด์เซอร์วิสของอาลีบาบามาก มาถึงรัฐบาลโจ ไบเดน เดินหน้าลุยเปิดการสอบสวนอาลีบาบาอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา อ้างอิงจาก 1 ใน 3 แหล่งข่าวและอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ สมัยทรัมป์กล่าวยืนยัน

รอยเตอร์รายงานว่า ธุรกิจบริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของบริษัทอาลีบาบานั้นมีขนาดเล็ก โดยมีรายได้ประจำปีน้อยกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  อ้างอิงจากบริษัทวิจัย การ์ตเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc) แต่หากว่าในท้ายที่สุด สหรัฐฯ ตัดสินใจปิดกั้นการทำธุรกิจระหว่างบริษัทอเมริกันทั้งหลายและอาลีบาบา มันอาจสร้างความเสียหายให้อาลีบาบาในธุรกิจที่กำลังเติบโตและมีอนาคตสดใส รวมไปถึงข้อตกลงและยังสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทในภาพรวมในอเมริกาด้วย

ทั้งนี้ แผนกข่าวกรองลับและความมั่นคง (Intelligence and Security) หน่วยงานที่กำลังตรวจสอบอาลีบาบานั้นเป็นแผนกเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาในสมัยทรัมป์ และถูกกำหนดให้มีอำนาจมหาศาลสามารถแบน หรือจำกัดธุรกรรมทางธุรกิจของบริษัทอเมริกันและครอบคลุมไปถึงบริษัทอินเทอร์เน็ต บริษัทโทรคมนาคม บริษัทไฮเทคที่มีกับประเทศศัตรูต่างแดน เช่น จีน รัสเซีย คิวบา อิหร่าน เกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา

ในปี 2015 อาลีบาบาได้ก่อตั้งบริษัทให้บริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เซอร์วิสของตัวเองที่ซิลิคอนแวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนอกจีน โดยในเวลานั้นอาลีบาบามีแผนที่จะแข่งขันกับยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ แอมะซอน ไมโครซอฟท์ และกูเกิล และหลังจากนั้นพบว่า อาลีบาบาได้เพิ่มศูนย์ข้อมูลขึ้นที่ซิลิคอนแวลลีย์ และในรัฐเวอร์จิเนีย แต่ทว่าต้องลดการทำธุรกิจในสหรัฐฯ ลงในสมัยทรัมป์หลังความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน และไม่ต่างในสมัยไบเดน ที่ต้องการออกมาตรการจำกัดเพิ่มมากขึ้นต่อบริษัทจีนในสหรัฐฯ