ปั่นป่วนไม่น้อย เมื่อบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษที่ร่วมวิจัยและผลิตวัคซีนต้านโควิด-19กับ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ตัดสินใจระงับการทดลองขั้นสุดท้ายในมนุษย์ หลังพบผู้เข้ารับการทดลองมีอาการป่วยรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ในช่วงเวลาเดียวกันพบที่เซาเปาโล ประเทศบราซิลด้วย หลังจากที่บราซิลและอังกฤษต่างประกาศมั่นใจได้ใช้ช่วงไตรมาส 1 ปีหน้าเพียงวันเดียว
โฆษกแอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า กระบวนการทบทวนตามมาตรฐาน ทำให้บริษัทยุติการทดลองวัคซีน เพื่อเปิดทางให้มีการทบทวนข้อมูลด้านความปลอดภัย ซึ่งการศึกษานี้ เป็นการทดลองวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัท และทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงสหรัฐและสหราชอาณาจักร ซึ่งมีรายงานพบผู้รับการทดลองมีอาการไม่พึงประสงค์ในสหราชอาณาจักร
รายงานระบุว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ว่า ลักษณะของปัญหาด้านความปลอดภัยคืออะไร และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คาดการณ์ว่าอาการผู้เข้าร่วมทดลองรายดังกล่าวจะดีขึ้น แต่การระงับการทดลองวัคซีนตัวนี้ สร้างผลกระทบต่อการทดลองวัคซีนตัวอื่น ๆ ของแอสตร้าเซนเนก้า และการทดลองทางคลินิกที่กำลังดำเนินการของบรรดาบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอื่น ๆ
บริษัทพัฒนาวัคซีนชั้นนำทั้งในสหรัฐและยุโรปให้คำมั่นเมื่อวันอังคาร (8 ก.ย.) ว่า จะยึดมั่นมาตรฐานด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพวัคซีนที่พัฒนาแม้มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อควบคุมโรคระบาดใหญ่จากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
หนังสือพิมพ์อัลจาซีรา รายงานว่า การทดสอบฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบราซิล ซึ่งลงนามข้อตกลงกับมูลนิธิ Oswaldo Cruz Foundation (Fiocruz) ของรัฐบาล ซึ่งร่วมงานกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกิดกรณีผู้ป่วยป่วยหนักไม่ทราบสาเหตุ หลังจากทดสอบฉีดวัคซีน ในช่วงเวลาเดียวกันกับ พบที่สหราชอาณาจักรอังกฤษ
นายเอดูอาร์โด ปาซูเอลโญ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของบราซิลกล่าวในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2563 ว่า บราซิลกำลังลงนามสัญญากับผู้ผลิตวัคซีน ซึ่งคาดว่าวัคซีนจะมาถึงเราภายในช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า และเราจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับทุกคน
ในการนี้สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยว่า รัฐบาลบราซิลได้ลงนามในข้อตกลงกับมูลนิธิ Oswaldo Cruz Foundation (Fiocruz) ของรัฐบาล ซึ่งร่วมงานกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยในเบื้องต้นนั้น บราซิลจะได้รับวัคซีนปริมาณ 100.4 ล้านโดส ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรกว่าครึ่งประเทศ ขณะที่คาดว่าจะพร้อมฉีดวัคซีนรอบสองในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
ด้านนายมาร์เซโล อัลวาโร อันโตนิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของบราซิลระบุว่า เขาคาดหวังให้มีวัคซีนพร้อมใช้งานทันฤดูร้อนปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวสูงสุดในบราซิล และคาดการณ์ว่า ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเผชิญกับวิกฤติโควิด-19
ปัญหาล่าสุดที่เกิดขึ้นเท่ากับดับฝันบราซิลที่จะกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วงปีหน้า (2564) เพราะสถานการณ์การระบาดโควิด-19 อาจไม่เป็นตามคาดเมื่อวัคซีนยังมีความอ่อนไหวในด้านความปลอดภัย