‘พาณิชย์’เผยเอกชนหนุน ‘เอฟทีเอ’ไทย – ฮ่องกง!?!เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐ-เอกชน ดันการค้า-ส่งออกมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์

1434

กระทรวงพาณิชย์โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดรับฟังความคิดเห็นการทำเอฟทีเอไทย-ฮ่องกง ยังมีความจำเป็นหรือไม่ แม้จะ FTA กับฮ่องกงในกรอบอาเซียน-ฮ่องกงอยู่แล้ว ส่วนใหญ่แนะยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หาโอกาสใช้ฮ่องกงเป็นประตูการค้าสู่จีน และหนุนมีเวทีหารือด้านเศรษฐกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชนสองฝ่าย

วันที่ 18 มิ.ย.2564 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้จัดสัมมนา “ความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ฮ่องกง” ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นเรื่องการจัดทำ FTA ไทย – ฮ่องกง หากไทยจะจัดทำ FTA ฉบับใหม่กับฮ่องกง ไทยจะได้ประโยชน์หรือมีผลกระทบอะไรเพิ่มเติมจาก FTA อาเซียน – ฮ่องกง หรือไม่ และหากในอนาคตฮ่องกงเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งไทยเป็นสมาชิก RCEP อยู่แล้ว FTA ฉบับใหม่นี้ยังมีความจำเป็นหรือไม่

ทั้งนี้ ผลการสัมมนา พบว่า ด้านการเปิดตลาดสินค้า ไทยจะไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เนื่องจากฮ่องกงได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรในสินค้าทุกรายการให้ไทยแล้วภายใต้ FTA อาเซียน – ฮ่องกง แต่ในส่วนของภาคบริการ จะสามารถทำให้ฮ่องกงสนใจที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจและลงทุนเพิ่มเติมในไทย อาทิ สาขาอสังหาริมทรัพย์ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเงิน ประกันภัย และโลจิสติกส์

สำหรับผู้ประกอบการ เห็นว่า ระหว่างนี้ไทยควรเร่งใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อาเซียน – ฮ่องกง ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจากการที่ฮ่องกงและจีนมียุทธศาสตร์ความร่วมมืออ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area – GAB) ซึ่งจีนกำหนดให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเมืองและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไทยควรเร่งยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับฮ่องกงให้เป็นรูปธรรม ทั้งเรื่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเงินและประกันภัย เทคโนโลยีดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน และโลจิสติกส์ เพื่อใช้ฮ่องกงเป็นประตูการค้าสู่จีน

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้มีกลไกการหารือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-ฮ่องกง อาทิ คณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ระหว่างภาครัฐ และสภาธุรกิจไทย-ฮ่องกงระหว่างภาคเอกชน สำหรับเป็นเวทีหารือส่งเสริมความร่วมมือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดเข้าสู่ฮ่องกงในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ สินค้าเกษตร อาหาร ผลไม้ อาหารที่ทำจากพืช สินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและการทำงานอยู่บ้าน ตลอดจนสินค้าในภาคบริการ อาทิ อุตสาหกรรมบันเทิง สุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์

ฮ่องกงเป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทย ในปี 2563 การค้าของไทยกับฮ่องกงมีมูลค่า  13,298 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกไปฮ่องกงมูลค่า 11,292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 2,006 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และข้าว สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ผ้าผืน เคมีภัณฑ์ เครื่องประดับ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ