ลือกระหึ่ม?!!? ปธน.ทรัมป์ฯ อาจลาออก เปิดทางคนใหม่เลือกตั้งใหม่ ดีกว่าแพ้คาสนาม 

2561

ขณะที่คนทั้งโลกต่างตั้งตารอคอย วันเลือกตั้งสหรัฐ 3 พฤศจิกายนปลายปีนี้ เพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้กำชัยชนะได้รับเลือก เป็นประธานาธิบดีคนต่อไประหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์-แห่งรีพับลิกัน” หรือ อดีตรองประธานาธิบดี “โจ ไบเดน-แห่งพรรคเดโมแครต” เกิดกระแสข่าวปธน.ทรัมป์อาจถอดใจลาออก

อนึ่งข่าวซุบซิบ ด่วนจี๋ที่แทบจะไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ โดย “นายชาลี กาสปาริโอ” นักข่าวอาวุโสช่องฟอกซ์นิวส์ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ได้รับข่าวนี้มาจากแหล่งข่าวที่ทำงานให้กับแกนนำของพรรครีพับลิกันว่า หากคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่กระเตื้องดีขึ้น เขาอาจจะยกธงขาวยอมแพ้ก็เป็นได้” ก็มีกระแสถามกันให้วุ่นว่า นี่เรื่องจริง หรือปั่นกระแส?

“ขณะนี้จิตใจของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่นิ่งมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง” โดยข่าวนี้ได้เป็นตัวจุดประกายตามสื่อต่างๆทันทีและได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่?

ขณะนี้สำนักโพลชื่อดังระดับเกรดเอสองสำนัก นั่นก็คือ RealClearPolitics ได้เปิดเผยว่า อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนำเหนือประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 9.2% “FiveThirtyEight” ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากผลเฉลี่ยขณะนี้โจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนิยมนำหน้าประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 9.1%

ทำไม? ปธน.ทรัมป์ต้องยอมแพ้

มีเหตุผลเบื้องหลังที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แสดงท่าทีอาจเลื่อนการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ปลายปีนี้  ด้วยอ้างการระบาดไวรัสสายพันธ์ใหม่ โควิด-19 ยังแผลงฤทธ์ไม่หยุด ทำยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมพุ่งทะยานในแต่ละวัน อัตราการเสียชีวิตยังสูง หลังจากคงที่พาให้เบาใจ แค่ระยะสั้นๆ และกังวลว่าวิธีการเลือกตั้ง โหวตผ่านทางไปรษณีย์ อาจมีการโกงคะแนนครั้งมโหฬารได้ ทุกฝ่ายโดยเฉพาะจากฝั่งเดโมแครต โหมกระหน่ำค้านกันทุกช่องทาง

ครั้งหนึ่งในอดีต ประธานาธิบดี ลินดอน บี จอห์นสัน (LBJ) เคยประกาศลาออกหลังกรณีสงครามเวียดนาม เมื่อภาพพจน์ของเขาตกต่ำขีดสุด  หรือสหรัฐฯจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในยุคสมัยแห่งประธานาธิบดีผู้อหังการ์อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์

สัญญาณเหตุการณ์ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ตลอดจนสัญญาณทางกาย และคำพูดของปธน.ทรัมป์ส่อไปในทางแนวโน้มข้อสันนิษฐานที่ หลายฝ่ายกำลังจับตามอง ว่า “ทรัมป์อาจประกาศลาออก ดีกว่าต้องแพ้คาสนามเลือกตั้ง”

คำคมในอดีตกล่าวว่า “วีรบุรุษมักเบื่อหน่ายในบั้นปลาย” ก็อาจเป็นได้ในกรณีของปธน.ทรัมป์เพราะเงื่อนไขทั้งหลายเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาด แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าจะลาออกจริงก็ยังไม่สาย

คำถามข้อแรก ปธน.ทรัมป์มั่นใจในแผนทางการเมืองของตนที่จะชนะคู่แข่ง ชนะใจคนอเมริกันมิใช่หรือ ประการที่สอง ปธน.ทรัมป์รู้หรือยังว่าหากเปลี่ยนแผนจะจัดสรรชีวิตของตนเองแบบไหน

เป็นที่น่าสังเกตว่าจากการรายงานของหนังสือพิมพ์ “USA Today” เปิดเผยว่าจะมีวุฒิสมาชิกแกนนำของพรรครีพับลิกันหลายคน อาทิเช่น วุฒิสมาชิกมิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกลามาร์ อเล็กซานเดอร์และวุฒิสมาชิกซูซาน คอนลินส์  แจงว่าจะไม่ไปเข้าร่วมประชุมใหญ่ของพรรคที่ฟลอริดาที่จะมีระหว่างวันที่ 24-27 สิงหาคมที่กำลังถึงนี้ซึ่งนับว่าเป็นการส่งสัญญาณเสียงแตกอย่างเห็นได้ชัดในพรรค

ดร.ลิทช์แมนนักประวัติศาสตร์จาก American University แห่งกรุงวอชิงตัน ได้ออกมาชี้ว่า ปัญหาอันแสนเลวร้ายของโรคระบาดโควิด 19 จนทำให้ยอดของคนอเมริกันถึงวันพุธนี้ต้องเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 140,000 คน มีผลทำให้อเมริกันชนเกิดระส่ำระสายรู้สึกว่าตนเองขาดความปลอดภัย อีกทั้งอเมริกันชนยังสัมผัสได้ว่า ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถบริหารจัดการกับวิกฤติครั้งนี้ได้ดีเพียงพอ และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจด้วย

อีกทั้งดร.ลิทช์แมนชี้ว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งเพราะโจ ไบเดนกำลังนำอยู่ 9% แถมคะแนนนิยมของเขาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งไม่เคยสูงเกินกว่า 50% เลยแม้แต่ครั้งเดียว

นักวิเคราะห์การเมืองของนิตยสาร “Politico-สหรัฐฯ” มองว่า ปธน.ทรัมป์ยังพอมีความหวัง พลิกฟื้นสถานการณ์อยู่บ้าง ถ้า 1. เขาสามารถทำคะแนนตีตื้นในรัฐ wingstates ด้วยงบประมาณที่มากพอ การจัดการที่มีประสิทธิภาพพอในพื้นที่ อาจได้เพิ่มอีก 1-2% ประการที่ 2 หากปธน.ทรัมป์ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มจากการเปิดโปงเบื้องหลังเดโมแครต ที่มีต่อคนผิวสี อาจทำให้ได้คะแนนเพิ่มจากคนดำ (ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมคนดำเพิ่งเสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะตามเขาไปหาเสียงที่เมืองทัลซา) ประการที่ 3 ถ้าปธน.ทรัมป์ปรับเปลี่ยนภาพพจน์ที่ว่า “เขาไม่ใช่คนดีเด่อะไร” ไปเป็นอะไรที่ดูดีสำหรับอเมริกันชน ซึ่งก็อาจไม่ทันเสียแล้ว  แต่อย่างน้อย ปธน.ทรัมป์ ได้เปลี่ยนแปลงภาพของทำเนียบขาวหลายประการ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าท้ายสุดแล้ว ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจแบบไหน เค้าลางความวุ่นวายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มองเห็นชัดเจนอยุ่แล้วว่าจะไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน ท่ามกลางความรุนแรงของการระบาดไวรัสโควิด-19 ความคุกรุ่นของสงครามการค้า และว่าที่สงครามเย็นที่ สหรัฐฯโดยปธน.ทรัมป์ได้ก่อขึ้นแล้ว

………………………………………………………

https://www.politico.com/news/magazine/2020/07/30/why-trump-might-quit-387681?cid=apn