เป็นภาระยันในคุก!! ผู้ต้องขังคนอื่น ผวาหนัก “แกนนำสามกีบ” เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด หลังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจโรค?

1676

หลังจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 64 ในเฟซบุ๊ก “อานนท์ นำภา” ของนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ข้อความฝากจากเรือนจำวันที่ 22 เม.ย. 64

ตอนนี้โควิด-19 เริ่มระบาดในเรือนจำแล้ว เราก็พยายามป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้ ฝากทนายซื้อผลไม้จำพวกกล้วยและส้มที่มีวิตามินซีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน มันเป็นชะตากรรมของคนทั้งสังคมที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน

การอ่านจดหมายของเพื่อน ๆ ที่ส่งเข้ามาก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจและมีความหวังที่จะได้ออกไปพบกันอีกครั้ง หวังว่าทุกคนคงรักษาสุขภาพและรอคอยพวกเรา
คิดถึงทุกคนอานนท์ นำภา”

ฝากข้อความของจัสตินไว้ด้วย ช่วงนี้อาการตัวร้อนลดลง ผมว่าจะลองหยุดยาที่กินเกี่ยวกับอาการไข้ตัวร้อนดู แต่อาการปวดตามเนื้อตัวยังมีอยู่เริ่มมีเสมหะ หายใจไม่ค่อยสะดวกตอนนอน เพื่อนในห้องขังเริ่มเป็นหวัด

ที่ผมจะลองหยุดยาแก้ไข้เพราะจะเช็คว่าเรื่องอาการตัวร้อนจะกลับมาหรือเปล่า ซึ่งเป็นการสังเกตตัวเองด้วย ตอนนี้เพื่อนที่อยู่ในห้องขังด้วยกันก็มีความกังวลว่าผมจะเป็น covid

วันนี้เจอหมอเวร ผมแจ้งหมอว่าผมมีอาการปวดตามเนื้อตัวโดยจะให้หมอเช็คอาการอย่างละเอียด ซึ่งหมอเวรแจ้งว่าให้ผมทำคำร้องเรื่องขอออกไปเรือนพยาบาล โดยจะรอเช็คอาการและให้หมอใหญ่มาตรวจอีกที

ไม่ต้องเป็นห่วงผมมาก กำลังเช็คร่างกายตัวเองและพยายามให้หมอตรวจอย่างละเอียดเพื่อป้องกันตนเองและคนอื่น ขอบคุณมาก ๆ ที่เป็นห่วงผม

สำหรับนายชูเกียรติ แสงวงค์ ฉายา “จัสติน” แนวร่วมกลุ่มการ์ดราษฎร ผู้ต้องหาในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 หมิ่นพระบรมเดชนุภาพ ได้ถูกควบคุมตัวไปฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 64 และในช่วงนี้สถานการณ์โควิดมีความเสี่ยงมากขึ้น ยอดติดเชื้อรายวันเฉียด 2 พันคน และมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางเรือนจำออกกฎอย่างเคร่งครัดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า งดเยี่ยมผู้ต้องขัง หรือหากต้องเดินทางไปขึ้นศาล ก็งดให้เจอหน้าญาติก่อน เพื่อความปลอดภัย แต่ยังสามารถฝากสิ่งของเข้าเยี่ยมได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่ายังไม่มีรายงานพบว่า เชื้อโควิดอยู่ตามพัสดุหรือสิ่งของได้ แต่ก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เชื้อโควิด ติดมากับสิ่งของได้ นอกจากนี้การที่ผู้ต้องขัง ต้องเดินทางมายังศาล ทำให้มีการพบปะกับผู้คน ก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงได้รับเชื้อเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 64 ก็เคยมีประเด็นที่พวกแกนนำม็อบ ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจเชื้อโควิด และทนายอานนท์ เขียนจดหมายออกมาว่า เจ้าหน้าที่พาไผ่และไมค์ ออกไปนอกห้องคุมขังยามวิกาล ทั้งที่มีความจำเป็นต้องตรวจโควิด และแยกไว้ในห้องกักโรคก่อน

โดยกรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร ชี้แจงกรณีเฟซบุ๊ก “อานนท์ นำภา” เฟซบุ๊กของนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีการโพสต์ภาพข้อความ ที่เขียนด้วยลายมือระบุว่า

เป็นการเขียนโดยนายอานนท์ อ้างว่า ในคืนวันที่ 15 มี.ค.2564 ได้มีการปฏิบัติงานที่ผิดปกติของเจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่พยายามแยกตนเองออกจากกลุ่มผู้ต้องขังคนอื่นในยามวิกาล จนเกรงว่าจะได้รับอันตรายแก่ชีวิตนั้น

กรมราชทัณฑ์ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. ถึงเช้าวันที่ 16 มี.ค.2564 ภายหลังจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับย้ายตัว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์”, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” แกนนำราษฎร

และ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” แกนนำกลุ่ม Wevo มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น. เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจร่างกาย

ก่อนนำตัวมาคุมขังพร้อมกับผู้ต้องขังคนอื่นอีก 9 คน ในห้องควบคุมผู้ต้องขังภายในแดนแรกรับ เพื่อแยกกักโรคตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์

โดยกลางดึกคืนนั้น นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วย คณะแพทย์และพยาบาลจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เข้ามาตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขังภายในห้องดังกล่าว ซึ่งมีทั้งสิ้น 16 คน

แต่มีผู้ต้องขังที่ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อเพียง 9 คน และไม่ประสงค์ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อ 7 คน คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายปิยรัฐ จงเทพ, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายอานนท์ นำภา พร้อมพวก

จึงต้องแยกกลุ่มผู้ต้องขัง 7 คน ออกจากผู้ต้องขังที่ยินยอมรับการตรวจ เพื่อเป็นการแยกกักกันโรคและสังเกตอาการเพิ่มเติมที่สถานพยาบาล ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ผู้ต้องขังทั้ง 7 คนดังกล่าว คือ นายอานนท์ พร้อมพวก ได้ปฏิเสธการย้ายที่คุมขังออกจากห้องกักกันโรคเดิม ไปยังสถานพยาบาลโดยอ้างถึงความปลอดภัย เจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นต้องแยกกลุ่มผู้ต้องขังอีกกลุ่มที่ให้ความยินยอมในการตรวจหาเชื้อจำนวน 9 คนไปคุมขังที่ห้องกักกันโรคห้องอื่นแทน

อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า ช่วงก่อนหน้านี้ ที่เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองโควิดอย่างเข้มงวด พวกแกนนำหลายรายไม่ให้ความร่วมมือ จนตอนนี้ที่ “จัสติน” มีอาการป่วย และเสี่ยงที่จะเป็นโควิด ทำให้ผู้ต้องขังร่วมห้องเกิดความผวา ว่าจะป่วยตามไปด้วย ทางด้านทนายอานนท์ก็ยังพยายามที่จะนำเรื่องโควิดมาอ้างว่า ในเรือนจำเริ่มมีการระบาด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็เคยไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เมื่อเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น คาดว่าทางกลุ่มแกนนำ 3 นิ้ว อาจจะขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสุขภาพตนเองอีกครั้ง เพราะก็กลัวจะติดเชื้อโควิดเช่นกัน