น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนยื่นจดหมาย หรือราษฎรสาส์นถึงสถาบันว่า
การดำเนินการดังกล่าวเป็นการท้าทายความรู้สึกของประชาชนผู้จงรักภักดี แต่กลุ่มพลังเงียบที่ปกป้องสถาบันก็มีความอดทนและแสดงออกอย่างอารยะ จะเห็นได้ว่าในโลกโซเชียลมีผู้ที่ออกมาติดแฮชแท็กประวัติศาสตร์ # ประชาสาส์น และ#ราชภักดิ์ เพื่อแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันเป็นจำนวนมาก จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ เป็นการถวายกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพลังอันบริสุทธิ์ให้โลกรู้ ว่า ประเทศไทยมีสถาบันอันเป็นศูนย์รวมใจ ฉะนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปฏิรูปสภาบัน และผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ชุมนุม ควรเบิกเนตรและหยุดการกระทำดังกล่าว
“ที่ผ่านมาหลายฝ่ายอดทนอดกลั้นเพื่อความสงบ และให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการชุมนุมเสมอมา แต่หลายครั้งรวมถึงวันนี้สถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังเร่งเดินให้ถึงทางตันของตนเอง ฉะนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังชักใย จึงต้องการเล่นเกมที่หมิ่นเหม่ขึ้นเรื่อย ๆ ”
ส่วนที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่าถ้าวันที่ 20 ธ.ค.ประชาชนออกมาเลือกผู้สมัครนายกฯอบจ.ของกลุ่มก้าวหน้ามากถล่มทลาย เป็นสัญญาณส่งถึงรัฐบาลว่าคนสกลนครสนับสนุนคณะก้าวหน้า ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น เป็นแค่การผลิตวาทกรรมหาเสียงตีกินไปวัน ๆ ของนายปิยบุตร ซึ่งเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาของประชาชน เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะรู้เท่าทัน เพราะวันนี้ประชาชนในระดับท้องถิ่น มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ฉะนั้น จะไม่ยอมให้ใครมาชี้นำ
“ความจริงที่นายปิยบุตร ไม่ได้พูดถึง ก็คือพรรคเพื่อไทยกับคณะก้าวหน้าต้องแข่งกันในการเลือกตั้ง อบจ. ซึ่งพยายามจะชิงฐานเสียงเดียวกัน และชิงคะแนนนิยมจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่างหากใช่หรือไม่ ที่นายปิยุตรไม่ยอมพูดถึง เพราะกลัวจะเสียแนวร่วม แต่ความจริงก็คือความจริง ที่นายปิยบุตรจะมาเบี่ยงประเด็นดึงพล.อ.ประยุทธ์เข้าไป ซึ่งสุดท้ายอาจกลายส่งผลเสียกับผู้สมัครคณะก้าวหน้าเอง เพราะเสียงของประชาชนไม่ต้องการเลือกกลุ่มที่มีแนวคิดเข้าข่ายล้มล้างสถาบัน”