ย้อนพระราชดำรัส ในหลวงร.๑๐ หากเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร แล้วไม่มีคนมา

14645

ย้อนพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หากเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร แล้วไม่มีคนมา ซึ่งพระราชดำรัสของพระองค์ทำให้พสกนิกรปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก

จากกรณีที่ บัณฑิตธรรมศาสตร์ของราษฎร ได้เชิญชวนบัณฑิต ว่าที่บัณฑิต และผู้รักประชาธิปไตยที่เห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบัน ที่ไม่เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ ๓๐-๓๑ ตุลาคมนี้

เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ ทางเพจ โบราณนานมา ได้โพสต์ข้อความถึงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานสัมภาษณ์และฉายพระฉายาลักษณ์ ณ พระตำหนักนนทบุรี ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ถึงเรื่องการพระราชทานปริญญาบัตรว่า ทรงเมื่อยบ้างหรือไม่ โดยระบุข้อความว่า

๓๔ ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองบรรณาธิการนิตยสาร “ดิฉัน” เฝ้าทูลละอองพระบาท เพื่อพระราชทานสัมภาษณ์และฉายพระฉายาลักษณ์ ณ พระตำหนักนนทบุรี ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙
ทรงเมื่อยไหมเพคะ เวลาพระราชทานปริญญา
“…อันนี้น่าถามจริง ๆ คือใหม่ ๆ ก็เมื่อยบ้างเป็นธรรมดา แต่เมื่อคำนึงถึงว่าเป็นการปฏิบัติเพื่อการศึกษา เราต้องทำให้ดี เพราะทุกครั้งนี่เป็นหนึ่ง เพราะเป็นโอกาสของแต่ละคน คนที่จะเข้ามารับแต่ละครั้งนี้ ใหม่ทุกคน เป็นโอกาสพิเศษและยินดีของเค้า เราต้องยินดี…”
สมมุติพระองค์เสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร แล้วเขาไม่มารับล่ะเพคะ
“…เราทำหน้าที่ของเราแล้ว หน้าที่ของเราคือไปแจก มาสองคนเราก็ไป…”
ไม่ทรงน้อยใจหรือเพคะ
“…ก็ไม่น้อยใจ เราได้ทำหน้าที่ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของสภามหาวิทยาลัยหรือตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้แทนพระองค์ ถึงมาไม่มีใครรับก็ต้องไป จะมาเอาอารมณ์ไปผูกพันกับงานมันคนละเรื่อง
ครั้งนั้นที่เราเจ็บป่วยโดนแสงไฟย่างหน้าเอา ไปไม่ได้ หน้าลอกไหม้หมดเลย คือช่างภาพเค้าใช้หลอดอุลตราไวโอเลต ซึ่ง อุลตราไวโอเลต นี้ต้องใส่แว่นอะไร ถ้าเผื่อเราเอ็กซ์โพสเป็นชั่วโมง มันก็เบิร์น เรื่องนี้มัน Unpredictable
เขาก็ไม่ได้แกล้งหรอก ร้านถ่ายรูปที่เค้าประมูลมาเขาก็อยากที่จะ คือเป็นครั้งแรกที่เค้าทดลองใช้ไฟที่สว่างพอโดยที่ไม่ต้องใช้แฟลช อันนี้เค้าอยากจะทำงานให้ดี ก็เลยต้องหยุดไปแจกปริญญาหนึ่งวัน พอค่อยยังชั่ว ค่อยไปแจกต่อ
วันนั้นที่เบิร์น พระก็เบิร์นด้วยนะ อาพาธไป ๒ องค์ อาจารย์ที่ส่งให้ก็เบิร์น คือมันเป็นเรื่องของการผิดพลาดทางเทคนิค ไม่มีใครแกล้งอะไรหรอก…”
อย่างตอนที่พระพักตร์ไหม้เมื่อครั้งเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร ก็มีข่าวออกมา คล้ายๆ ว่าจะไม่ทรงเสด็จไปพระราชทานอีก
“…ก็ที่บอกแล้วไง มันก็เป็นเกียรติ อย่างน้อยเราก็ทำคุณประโยชน์ แต่อะไรที่ไม่ดี ก็ลงที่สมเด็จพระบรมฯ เราก็ถือเป็นเกียรติ ก็แล้วแต่กุศลที่สร้าง ก็เป็นวิธีอีกอย่างที่ว่าอะไร ที่ไม่เป็นธรรม หรืออะไรที่… คือชาติก่อนเราคงทำบุญไม่ค่อยมาก หรือเมื่อไหร่เราทำกรรมเค้าก็ว่า ก็รับไป สิ่งใดที่ไม่เป็นความจริง หรือไม่ถูกต้องเราก็เฉย ๆ หรือปล่อยวาง คือวางอุเบกขา
บางทีเราไม่อยากรู้เราก็เฉย ๆ หมดกรรมเมื่อไหร่ หรือถ้าเผื่อฟ้าดินเห็นว่าเราจะเป็นประโยชน์แก่แผ่นดินต่อไป ฟ้าดินท่านก็คงจะแก้ปัญหาให้ ถ้าท่านเห็นว่าไม่มีความเหมาะสม หรือดวงที่จะไม่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินในหน้าที่ใดก็ตาม ก็ขอให้เราจบ ก็จบ
ก็ถืออย่างนี้ ก็สบายใจ ไม่ได้คิดอยากจะเป็นอะไร ถ้าเผื่อ เพื่อฟ้าดินให้รับใช้ประเทศชาติ ในฐานะใดก็ตาม ท่านก็คงจะบันดาลให้ทำงานได้ ถ้าเผื่อท่านไม่อยากให้ทำงานก็ไป เราก็ไปตามนั้น นั่นมันพวกนิยายพวกแฟรีเทล The Handsome young Prince live with the beautiful Princess. They live in the beatiful castle and live happily ever after. เป็นจินตนาการ คนไทยเราอ่านนิยายมาก แล้วคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จริง ๆ แล้ว They live happily ever after. หรือเปล่า…”
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองบรรณาธิการนิตยสาร “ดิฉัน” เฝ้าทูลละอองพระบาท เพื่อพระราชทานสัมภาษณ์และฉายพระฉายาลักษณ์ ณ พระตำหนักนนทบุรี ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ โบราณนานมา