ชัชนำแถลงจุดยืน!หนุนประยุทธ์นั่งนายกต่อสมัยหน้า ลั่นเผด็จการไม่เลวทราม

1849

จากที่วันนี้ 11 ธันวาคม 2564 – ในการประชุมพรรคพลังท้องถิ่นไท มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ ชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรค กล่าวถึงการตั้งเป้าจำนวนส.ส. หลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีใบเลือกตั้ง 2 ใบนั้น

ทั้งนี้นายชัชวาลล์ ชี้ถึงผลในการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ตั้งใจอยากที่จะให้ได้จำนวนมาก แต่ไม่รู้ว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งหากประชาชนเห็นว่าได้ประโยชน์ก็คงจะเลือกพวกเราเยอะ แต่เราก็ต้องสู้ เมื่อเดินออกมาแล้ว จะถอยหลังได้อย่างไร

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการควบรวมกับพรรคอื่น เพื่อมาสู้กับกติกาใหม่หรือไม่ นายชัชวาลล์ กล่าวว่า คงไม่ แต่เราก็มั่นใจว่าเราจะได้ส.ส.เขต 4-5 คน

ถามว่า จะยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ นายชัชวาลล์ กล่าวว่า ตนก็ยังสนับสนุนและจะไม่มีการแอบอ้าง ไม่ได้มองในเรื่องของเผด็จการ แต่มองเรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งเป็นจุดหลักของตน หากเขาไม่ทำอะไรที่เลวทรามก็ยังสนับสนุนต่อไป และเท่าที่ผ่านมา ท่านก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน

นอกจากนี้เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคอื่นๆ ได้มีการเปิดตัวผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.พรรคจะมีการส่งชิงด้วยหรือไม่ นายชัชวาลล์ กล่าวว่า พรรคไม่มีการส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. เราก็คงอยู่ของเราเฉยๆ ไม่ยุ่งกับใคร เรารู้จักกันทุกพรรคไม่ว่าจะไปไหนก็รู้จัก

นอกจากนี้กรณีมีการกำหนดให้พรรคการเมืองทำเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัคร ส.ส. หรือไพรมารี่โหวต ผ่านสมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้งมีความคิดเห็นอย่างไร พรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ควรทำ เพราะพรรคเล็กจะเสียเปรียบ และหากจะให้ทำไพรมารี่โหวตทุกเขตก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ในวันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กบางส่วนที่น่าสนใจเช่นเดียวกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยืนหยัดมาได้ยาวนานถึง 75 ปี จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพรรคให้เข้ากับยุคสมัย และโลกยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยึดมั่นและยืนหยัดไว้ให้มั่นคง ก็คืออุดมการณ์ประชาธิปไตยของพรรค ที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 6 เมษายน 2489 เป็นต้นมา

“ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองหรือโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หลักการประชาธิปไตย ก็ยังคงอมตะอยู่เสมอ ยังเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกมากที่สุด จึงอยากจะให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้พิทักษ์อุดมการณ์ข้อนี้ไว้ให้มั่นคง และประกาศเจตนารมณ์ จุดยืนของพรรค

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่บ้านเมืองกำลังปกครองด้วยรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง พรรคต้องกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ เพื่อผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ขึ้นมาให้ได้ ต้องย้อนนึกถึงเกียรติภูมิพรรคในอดีต ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียว ที่ยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการทหาร จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศ แต่มาวันนี้ภาพลักษณ์เหล่านั้น ได้เลือนหายไปจากความทรงจำของประชาชนแล้ว”