ญี่ปุ่นอัดงบกลาโหมสูงสุดเป็นประวัติการณ์?!? 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งเป้าต้านอิทธิพลจีนในทะเลจีนใต้

2295

ครม.รัฐบาลนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะของญี่ปุ่น อนุมัติงบฯกลาโหมสูงถึง 51.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 5.34 ล้านล้านเย็น (1.664 ล้านล้านบาท) เพื่อพัฒนาแสนยานุภาพกองทัพ ทั้งเครื่องบินรบล่องหน และระบบสะกัดขีปนาวุธระยะไกล อ้างเพื่อรับมือภัยคุกคามจากจีน-โสมแดง มีการเพิ่มงบฯกลาโหมสูงขึ้นทุกปีตลอด 9 ปีติดต่อกัน และในปีนี้ได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐให้พัฒนาเป็นกองทัพเต็มรูปแบบสามารถเคลื่อนไหวนอกประเทศได้ จากอดีตมีข้อจำกัดบทบาทเป็นเพียงกองกำลังป้องกันตนเองซึ่งเคลื่อนไหวได้เฉพาะภารกิจภายในประเทศเท่านั้น จับตาสถานการณ์ร้อนย่านทะเลจีนใต้อีกหนึ่งเหตุปัจจัยที่อาจทำให้สงครามใหญ่ปะทุ

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563 รัฐบาลญี่ปุ่น อนุมัติร่างงบประมาณกลาโหม สำหรับปีงบประมาณ 2564 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.34 ล้านล้านเยน (5.17 หมื่นล้านดอลลาร์) ร่างงบประมาณดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.1% จากปีงบประมาณ 2563 ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้ฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่น ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังยกระดับขีดความสามารถที่จะรับมือกับขีปนาวุธ และนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการขยายอำนาจทางทะเลของจีน

คณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ได้อนุมัติงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ระบุจะนำไปพัฒนาอาวุธก้าวหน้าทั้งเครื่องบินล่องหนและระบบป้องกันขีปนาวุธระยะไกลที่ติดตั้งเรือรบหรือเรือบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่น

งบฯพัฒนากองทัพจำนวน 5.34 ล้านล้านเยน (51.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะเริ่มใช้ในเดือนเมษายน ปี 2564 เท่ากับเพิ่มขึ้นจากงบฯกลาโหมปี 2563 จำนวน 1.1% ในการขออนุมัตงบประมาณประจำปีจากสภาผู้แทนราษฏร

เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของอดีตนายกฯชินโสะ อาเบะ ที่ต้องการพัฒนาแสนยานุภาพกองทัพญี่ปุ่นทั้ง เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธ และ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่ทันสมัยล้ำหน้าสามารถต่อกรกับศัตรูได้ ซึ่งหมายถึงจีนที่มีข้อขัดแย้งในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ รวมทั้งเกาหลีเหนือที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อญี่ปุ่นตลอดมา

ขณะที่ประเทศจีนตั้งงบฯพัฒนากองทัพเพิ่ม 6.6% ของงบประมาณรวมของประเทศในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนๆในรอบ 30 ปี

งบกลาโหมญี่ปุ่น เข้ากระเป๋าบริษัทสหรัฐฯ

นายโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกลาโหม ของญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้อง “ตอบสนอง” ต่อการขยายอำนาจทางทะเลของจีนที่เพิ่มขึ้นรอบหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ตลอดจนรักษาความปลอดภัยของกองกำลังป้องกันตนเอง ดังนั้น ขีปนาวุธจึงมีความสำคัญในการปกป้องหมู่เกาะ

เครื่องบินเจ็ตต่อสู้อากาศยาน ครั้งแรกในรอบ 30 ปี คาดใช้เงินประมาณ 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะได้ใช้เต็มประสิทธิภาพในปี 2030 ซึ่งการผลิตนั้นนำโดยบริษัทมิตซูบิชิ อุตสาหกรรมหนัก จำกัด ร่วมกับบริษัท ล็อคฮีท มาร์ติน คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ซึ่งจะได้รับเงินจากงบฯดังกล่าวจำนวน 706 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าใช้จ่ายพัฒนาขีปนาวุธระยะไกลต่อต้านเพื่อไว้ปกป้องเกาะโอกินาวาทางตะวันตกมีจำนวน 323 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ค่าใช้จ่ายอื่นรวม 628 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเครื่องบินล่องหน F-35 จำนวน6 ลำของบริษัทล็อคฮีท และสามารถติดตั้งชุด (STOVL)B ในแนวดิ่งให้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ 

กองทัพจะได้งบฯพัฒนาเรือรบเคลื่อนที่เร็วจำนวน 912 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วยนอกจากนี้ ทางกองทัพต้องการจัดซื้อเรือพิฆาตรุ่น แอกิส (Aegis) และระบบสะกัดขีปนาวุธที่มีสมรรถนะมากกว่าเดิม 3 เท่า มีระยะทำการ 900 กม.จำนวน 2 ลำ และยังไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของโครงการในการติดตั้งสถานีรองรับ 

ประมาณการเบื้องต้นที่สหรัฐจะได้รับอานิสงส์ ขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพญี่ปุ่นเบื้องต้น จำนวน 2,569 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นจะต้องจ่ายให้กองทัพสหรัฐที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่นต่างหาก

ดูงบประมาณแผ่นดินรวมก็สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

คณะรัฐมนตรีอนุมัติร่างงบประมาณประจำปี 2564 ในวันเดียวกันซึ่งมีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 106.61 ล้านล้านเยน (1.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยญี่ปุ่นกำลังรับมือกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาด รวมทั้งสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และความท้าทายต่างๆในด้านความมั่นคงซึ่งทำให้งบฯกลาโหมของญี่ปุ่นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วย

งบประมาณประจำปี 2564 ของญี่ปุ่นมีมูลค่าสูงกว่างบประมาณประจำปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 102.66 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ งบประมาณประจำปี 2564 ยังทำสถิติที่เหนือระดับ 100 ล้านล้านเยนติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น

แต่ รัฐบาลญี่ปุ่นได้วางแผนที่จะออกพันธบัตรล็อตใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 43.60 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกในรอบ 11 ปี

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประมาณการตัวเลขรายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2564 เอาไว้ที่ 57.45 ล้านล้านเยน สูงกว่าตัวเลขประมาณการของปีงบประมาณ 2563 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.13 ล้านล้านเยน