แฉลึกอาจมหลอกเด็กหมิ่นสถาบันถูกคดีอื้อ! ปิยบุตรซุกตปท.-บริษัทแอบหลบ

2119

จากที่น.ส.เบนจา อะปัญ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกออกหมายจับโดยศาลอาญากรุงเทพใต้ข้อหาอาญาตามความผิด มาตรา 112 ก่อนที่ศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์ทำผิดซ้ำเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงและมีอัตราโทษที่สูงนั้น

ต่อมากลุ่มบุคคลที่สนับสนุนน.ส.เบนจา รวมทั้งพวกคัดค้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีความคิดในแนวทางชังสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการอ้างต้องการปฏิรูปบังหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวปกป้องน.ส.เบนจา ยังปรากฏนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า

“ผ่าน 6 ตุลามาไม่กี่วัน ผู้มีอำนาจก็ซ้ำเดิมทำลายอนาคต เพียงเพราะเธอเรียกร้องถึงสังคมที่ดีกว่า เบนจาเป็นวิศวกรอวกาศ ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับไทยในอีกไม่กี่ปี แต่กลับต้องถูกจับเข้าคุก รบ.ต้องหยุดทำลายอนาคตของชาติ ก่อนที่สังคมไทยจะถูกผลักออกไปไกลเกินจุดที่จะเจรจาประนีประนอมกันได้”

ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงบรรดาอาจารย์ และนักศึกษา ที่เคลื่อนไหวจนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ด้วยว่า

“พวกอาจมที่หลอกให้เด็ก จาบจ้วงหมิ่นสถาบัน จนเป็นเหตุให้เด็กถูกดำเนินคดีจำนวนมาก จะสำนึกถึงบาปกรรมที่ทำไว้กับเด็กๆบ้างไหมหนอ!

พ่อแม่ผู้ปกครองต่อไปนี้ต้องระมัดระวังดูแลลูกหลานไว้ให้จงดี ขณะนี้ลูกหลานไปเรียนหนังสือ ก็อาจจะถูก ปลูกต้นไม้พิษไว้ในความคิดจิตใจ จนกระทั่งขาดความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ไม่สนใจครอบครัว

อาจารย์ปิยบุตรเองก็เหมือนกัน จะต่อว่าใครได้ล่ะครับว่าทำไมไม่ช่วยเด็ก ตัวเองก็หลบฉากไปอยู่ต่างประเทศ พวกอาจม และบริษัทบริวาร เขาก็รู้ดีว่าทำผิดกฎหมายก็จะหมดอนาคต จึงแอบหลบกันหมด มันเป็นเช่นนี้แหละโยม”

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงปรากฏการณ์ทะลุแก๊สที่ดินแดงระบุว่า

“ภายหลังแกนนำราษฎรหลายคนถูกรัฐใช้นิติสงครามเข้าปราบปรามอย่างหนัก จนต้องถูกจำคุก โดยไม่มีสัญญาณว่าจะได้รับอิสรภาพชั่วคราวเมื่อไร ดูเหมือนว่าการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในช่วงที่เหลือของปีน่าจะมาสู่ช่วงขาลง แต่ก็เกิดการชุมนุมที่ดินแดงช่วงหัวค่ำเกือบทุกวัน ปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ซึ่งไม่มีใครรู้จักว่าพวกเขาเหล่านี้คือใคร ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าข้อเสนอของพวกเขาคืออะไร ซึ่งได้เฝ้าสังเกตการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มนี้อย่างสนใจว่านี่จะกลายเป็นการต่อสู้ในลักษณะใหม่แบบที่ไม่เคยเกิดในไทยมาก่อนหรือไม่

“ยังไม่อาจวิเคราะห์ฟันธงลงได้ทั้งหมด แต่ขอตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นไว้ว่านี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะผุดขึ้นมาเองปราศจากองค์กรจัดตั้งหรือปลุกระดม เพื่อตอบโต้กับสิ่งที่รัฐกระทำมาตลอดปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มไปสู่การลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ” นายปิยบุตร กล่าว