ไบเดนถือหางอิสราเอลเลือดเย็น?!?ปูพรมระเบิดฟอสฟอรัสถล่มปาเลสไตน์ ฮามาสเอาคืนถล่มคลังน้ำมันไฟท่วมเทลอาวีฟ

2774

เหตุการณ์อิสราเอลปูพรมระเบิดฟอสฟอรัสถล่มกาซา ทำชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างทรมาน เหมือนภาพซ้ำอดีตที่อเมริกาใช้เชื้อโรคไข้ทรพิษทำลายล้างชนเผ่าอินเดียนแดงจนยึดแผ่นดินมาเป็นของตน และที่อเมริกาปูพรมถล่มเวียดนามด้วยฝนเหลืองจนแผ่นดินเวียดนามปลูกพืชไม่ได้นับสิบปี แต่ผลคืออเมริกาพ่ายจิตใจรักชาติของชาวเวียดนาม

วันนี้อิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา ยังคงโจมตีข้ามแดนกันอย่างดุเดือดที่สุดในรอบ 7 ปี และยังไม่มีทีท่าจะจบลงแต่อย่างใดแม้เวลาจะผ่านมาค่อนสัปดาห์  การยิงขีปนาวุธใส่กันดำเนินมานับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 พ.ค.2564 ซึ่งอาจบานปลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557 ล่าสุดปธน.โจ ไบเดนออกหน้าประกาศ อิสราเอลมีสิทธิปกป้องอธิปไตยและประชาชน แต่ทำเพิกเฉยต่อ การที่เนทันยาฮูสั่งปูพรมทิ้งระเบิดฟอสฟอรัส ระเบิดเคมีที่ผิดกฎหมายสากล และผิดกฎบัตรสหประชาชาติ สงครามชิงอำนาจและดินแดน คนที่ต้องรับผลล้มตายคือประชาชนปาเลสไตน์ หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยล้างเผ่าพันธุ์??

 

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ว่า ฝูงเครื่องบินรบของกองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) ปูพรมโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายมากกว่า 100 แห่งในฉนวนกาซา ตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มฮามาสยิงจรวดข้ามเขตแดนจากฉนวนกาซามากกว่า 100 ลูก มายังอิสราเอล โดยจรวดหลายลูกตกลงในนครเยรูซาเลม และกรุงเทลอาวีฟ ก่อนหน้านี้เริ่มจากเหตุปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลที่มัสยิดอัลอักซอ ปราบชาวปาเลสไตน์ที่มาละหมาดในช่วงรอมอฎอน ทำชาวปาเลนไตน์บาดเจ็บกว่า 700 คน โดยอิสราเอลยิงขีปนาวุธใส่อาคาร 13 ชั้นกลางเมืองฉนวนกาซา ทำให้ผู้หญิงและเด็กเสียชีวิต และบาดเจ็บนับร้อย และเกิดการตอบโต้กันไปยิ่งดุเดือดขึ้น

 ทั้งนี้ ไอดีเอฟยืนยันการสังหารนายฮัสซัน เคากี แกนนำด้านข่าวกรองของกลุ่มฮามาส พร้อมผู้ช่วย คือ นายวาอิล อิสซา หลังเมื่อคืนวันอังคารที่ 11 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้ทิ้งระเบิดทำลายอาคารสูง 13 ชั้นในฉนวนกาซานถล่มลงมาทั้งหลัง ขณะที่รัฐบาลปาเลสไตน์รายงานผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากการโจมตีของไอดีเอฟทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 53 ราย ในจำนวนนี้รวมเด็กอย่างน้อย 12 ราย และผู้หญิงอีก 3 ราย ส่วนสถิติสะสมของผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็นอย่างน้อย 233 คน ไม่นับที่ชาวปาเลสไตน์ถูกปราบที่มัสยิดอัล-อักซอในเยรูซาเล็มบาดเจ็บกว่า 700 คน

ด้านรัฐบาลอิสราเอลรายงานว่า มีพลเมืองอย่างน้อย 6 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็ก เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มฮามาส ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันจะใช้ “มาตรการเด็ดขาดที่สุด” เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดโดยส่งเครื่องบินรบปูพรมทิ้งระเบิดสารเคมีฟอสฟอรัสใส่ปาเลสไตน์หลายพื้นที่  ส่วนนายอิสมาอิล ฮานิเยาะห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส กล่าวว่า “ไซออนิสต์” หมายถึงอิสราเอล เป็นฝ่ายจุดชนวนความรุนแรงครั้งนี้ ด้วยการ “ก่อการร้าย” ที่มัสยิดอัล-อักซอ ในเขตเมืองเก่าของนครเยรูซาเลม และขับไล่ชาวปาเลสไตน์จากบ้านและที่ดินของเขาออกอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อหวังยึดครองเยรูซาเล็มแต่ฝ่ายเดียว ดังนั้นอีกฝ่ายต้องรับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้น

สำหรับสถานการณ์สู้รบครั้งนี้เรียกได้ว่ารุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สงคราม 50 วันในฉนวนกาซา เมื่อปี 2557 

ต่อมานายทอร์ เวนเนสลันด์ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการตะวันออกกลางของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เรียกร้องทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาสให้ยุติการใช้ความรุนแรงทันที เพื่อยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ แต่หามีใครฟังไม่? เพราะปาเลสไตน์-ฮามาสล้วนเชื่อเต็มที่ว่าทั้งสหรัฐและสหประชาชาติเอียงข้างอิสราเอลแน่นอน

โลกวิตกความขัดแย้งครั้งนี้ อาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบและเป็นเชื้อไฟโหมสงครามใหญ่ในหลายภูมิภาค ท่ามกลางการเร่งเร้าของสหรัฐแบ่งประเทศต่างๆเป็นฝักฝ่ายเลือกข้างสหรัฐต่อต้านจีนและรัสเซียไม่หยุดยั้ง

เมื่ออิสราเอลสูญเสียครั้งใหญ่ ไฟท่วมถังน้ำมันซึ่งเก็บน้ำมันจากท่อระหว่างเมือง ไอแลต(Eilat) และแอชเคลอน (Ashkelon) ภายในประเทศอิสราเอลถูกจรวดของกลุ่มฮามาสถล่มและระเบิดขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง 

เมือง Rishon Letizion ของอิสราเอล อยู่ห่างจากเมืองหลวงเทลอาวีฟ 8 กิโลเมตร โดนขีปนาวุธจากกลุ่มฮามาสถล่มเช่นเดียวกัน 

เมืองโฮลอน (Holon) ภาคใต้ของเมืองเทลอาวีฟซึ่งมีประชากรประมาณ 1 แสน 9 หมื่นกว่าคนอยู่อาศัย โดนจรวดของกลุ่มฮามาสทะลุระบบป้องกันภัยทางอากาศ Iron Dome ลงย่านใจกลางเมือง รถยนต์หลายคันเสียหาย แต่อิสราเอลปกปิดไม่รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต

ต่อมาอิสราเอลถล่มตึกอัลจาวารา(Al-Jawhara)อาคารสูง 10 ชั้น ย่านใจกลางฉนวนกาซ่าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสื่อมวลชนไม่น้อยกว่า 20 แห่ง ซึ่งรวมทั้งเป็นสำนักงานสถานีโทรทัศน์ไม่น้อยกว่า 10 ช่องที่มาปักหลักรายงานในปาเลสไตน์และเป็นพยานรู้เห็นว่าทหารอิสราเอลสร้างปัญหาคุกคามต่อประชาชนปาเลสไตน์ ก่อนบานปลายเพราะถูกอิสราเอลใช้เครื่องบิน F-16 ถล่มอาคาร 13 ชั้นยับเยินก่อนหน้านี้

เนทัน ยาฮูปธน.อิสราเอลสั่งเหี้ยมให้ใช้ระเบิดฟอสฟอรัสกับประชาชนปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลอิสราเอลเคยใช้มาก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนเป็นการจงใจสังหารประชาชนปาเลสไตน์อย่างเลือดเย็น โดยไม่กลัวชาวโลกจะคว่ำบาตร เนื่องจากอิสราเอลมีเครือข่ายยิวไซออนิสต์ในอเมริกา ที่สามารถควบคุมสื่อไม่ให้ตำหนิอิสราเอลได้

กลุ่มติดอาวุธฮามาสตอบโต้โดยระดมยิงจรวดไม่น้อยกว่า100 ลูก ถล่มใส่เมืองหลวงอิสราเอล ในขณะที่สื่ออิสราเอลบางสำนักบอกว่ามีจรวดของฮามาสแค่ลูกเดียวที่เจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศ Iron Dome ไปถล่มอิสราเอลได้ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างมาก แต่คลิปที่แฉว่าเมืองต่างๆ ของอิสราเอลโดนถล่มจนเพลิงลุกไหม้ในหลายเมืองเป็นการเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งของอิสราเอล ทำให้ปฏิบัติการเลือดเย็นเกิดขึ้นด้วยระเบิดเคมีที่โหดร้ายและไม่ควรเกิดขึ้นในยุคสมัยที่สหรัฐและตะวันตกโฆษณาโลกสวยของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

จับตาบทบาทโลกอิสลามและรัสเซีย ใครจะเป็นตัวกลางที่จะสามารถดับเชื้อไฟสงครามใหญ่ครั้งนี้ แค่สหรัฐ-สหประชาชาติ ไม่มีทางหยุดยั้ง หรือที่แท้จงใจให้เกิด??