“แกนนำแดง” ไม่สำนึก! ประกาศร่วมม็อบสามกีบ หนุน3ข้อก้าวล่วงสถาบัน?? ทั้งๆที่เพิ่งพ้นคุก เพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ!

3815

จากที่เฟซบุ๊ก ยูดีดีนิวส์ – UDD news ยืนยันงานทำบุญรำลึกและสดุดีวีรชน 11ปี 10เมษา ยังคงจัดอยู่ที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา สถานที่เปิดโล่งและมีมาตรการป้องการโควิดเข้มข้น ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง

“ยูดีดีนิวส์” ร่วมกับญาติวีรชนและพี่น้องประชาชน จัดงานรำลึกและสดุดีวีรชน 11 ปี10เมษา ณ อนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว เวลา 13.00-15.00 น. เป็นการพบปะสนทนาและสดุดีวีรชน โดยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นพ.เหวง โตจิราการ, ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์, อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ, รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และญาติวีรชน

ต่อมา นางธิดา ได้ขึ้นปราศรัยในงานดังกล่าว ช่วงหนึ่งว่า ขอให้วีรชนไปสู่สุคติ เพราะวันนี้มีคนรุ่นใหม่ สืบทอดเจตนารมณ์แล้ว ขอให้หลับอย่างเป็นสุข ตอนนี้มีคนรับช่วงแล้ว ทั้งขอให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมือง แกนนำที่ถูกจับกุมอยู่ในขณะนี้

ขณะที่หมอเหวง ได้ขึ้นพูดด้วยว่า ขอยกย่องวีรชนคนเสื้อแดงที่พลีชีพ เพื่อให้ได้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน บัดนี้คนรุ่นใหม่ได้เชื่อมหลอม 11ปีของคนเสื้อแดงแล้ว ดังนั้นพวกเราคนเสื้อแดงพร้อมเข้าร่วมชุมนุมกับคนรุ่นใหม่ ควรต้องเข้าร่วม ซึ่งเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3ข้อนั้นตกผลึกแล้ว ตนเองเห็นด้วยทุกประการ และขอให้ปล่อยตัวคนที่ถูกจับ ปล่อยแกนนำออกมา

ด้านนายวรชัย ขึ้นมากล่าวช่วงหนึ่งว่า ทุกองค์กร จะต้องมีการปฏิรูป การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นที่สุดของประวัติศาสตร์แล้ว ดังนั้นการปฏิรูปต้องเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลง ย่อมเกิดขึ้นกับทุกองค์กร เพราะมีความจำเป็นเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังขึ้นกล่าวส่งท้ายบางช่วงด้วยว่า ขอให้ปล่อยเด็กที่ติดคุกออกมา ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหา อยากให้คนรุ่นใหม่ชุมนุมอย่างสันติวิธี ถึงเวลา คนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกรุ่นเปิดใจคุยกัน วันนี้ประชาชนมีอำนาจสูงสุดของประเทศ ประชาชนไม่ปรารถนาชิงอำนาจจากมือใคร จึงต้องยืนเหยียดตัวตรงโดยบอกว่า อำนาจเป็นของประชาชน ลูกหลานต้องการอนาคต รูปแบบการปกครองที่ดีกว่า จะหลีกเลี่ยง ปฏิเสธ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งต้องแลกด้วยความสูญเสีย เลือดเนื้อ อิสรภาพของคนหนุ่มสาว และขณะนี้ตนยังไม่คิดจะร่วมชุมนุมหรือปราศรัยกับม็อบคนรุ่นใหม่ แต่หากจำเป็นที่เห็นว่า ต้องออกมาร่วมก็จะแจ้งให้ทราบ วันไหนก็วันนั้น

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ที่ศาลพิพากษาในคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง 1. นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006  2.นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน 3.นายวันชัย นาพุทธา 4.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 5.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. 6.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 7.นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.เป็นจำเลยที่ 1 – 7 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 นักโทษกลุ่มแกนนำการชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี พ.ศ.2550 ต้องโทษจำคุก 5 คนๆ ละ 2 ปี 8 เดือน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 ที่ได้รับโทษจำคุก กระทำความผิดตามคดีแนบท้ายอาจได้ลดโทษตามสัดส่วนในการพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 แต่ไม่ได้ปล่อยตัวในครั้งนี้

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะได้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีสำคัญ นั่นก็คือ 5 แกนนำนปช. ได้แก่ นพ.เหวง โตจิราการ,วิระกานต์ มุสิกพงศ์ พายัพ ปั้นเกตุ ,วิภูแถลง พัฒนภูมิไท วรชัย เหมะ ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวันที่ 30 กันยายน 2563

สำหรับนายณัฐวุฒิ ที่โดนคดีชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน ซึ่งนายณัฐวุฒิ ได้ลดโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2563 ต่อมานายณัฐวุฒิ ได้รับลดโทษตามสัดส่วน จนกระทั่งเข้าสู่หลักเกณฑ์การพักโทษ และนำตัวออกจากเรือนจำได้ในช่วงวันที่ 17 ธันวาคม 2563 จากนั้นก็ได้มีการติดกำไล EM จนล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม นายณัฐวุฒิ ก็ได้ถอดกำไล EM เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ถอดกำไล EM แล้ว ก็ได้มีการประกาศว่า จะอยู่ข้างม็อบสามกีบ ซึ่งหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ม็อบสามกีบนั้น มีเป้าหมายที่ล้มล้างสถาบันฯ ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า นายณัฐวุฒิ ไม่เคยสำนึกเลยใช่หรือไม่ว่า ที่พ้นโทษได้ออกมามีชีวิตนอกเรือนจำนั้น ก็เพราะได้รับพระราชทานอภัยโทษ