ณัฐวุฒิประกาศยังไม่ร่วมม็อบ3กีบ แต่ลั่นถึงพวกเดียวกัน“ผมไม่เคยกลัวใคร”

3266

จากที่เฟซบุ๊ก ยูดีดีนิวส์ – UDD news  ได้โพสต์ข้อความระบุถึงงานของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยอ้างว่าเป็นงานทำบุญ รำลึกและสดุดีวีรชน 11ปี10เมษา สถานที่เปิดโล่งและมีมาตรการป้องการโควิดเข้มข้น ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองนั้น

ทั้งนี้ “ยูดีดีนิวส์” ระบุว่าเป็นการร่วมกับญาติวีรชนและพี่น้องประชาชน จัดงานรำลึกและสดุดีวีรชน  11ปี10เมษา ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 เม.ย. 64 ณ อนุสรณ์สถาน14ตุลา (แยกคอกวัว) เวลา 13.00 – 15.00 น. โดยนัดมวลชนพร้อมกันในเวลา 12.00 น. เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องโควิดและขอความร่วมมือทุกท่านใส่หน้ากากอนามัยตลอดงาน รวมถึงมีการตั้งจุดวัดอุณหภูมิและเจลล้างมือบริการ

โดยงานเริ่มอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. เริ่มพิธีสงฆ์ ถวายสังฆทานพระสงฆ์ 10 รูป, วางพวงหรีดและดอกไม้ 14.00 – 15.00 น. เป็นการพบปะสนทนาและสดุดีวีรชน เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้วก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ

ล่าสุดวันนี้ 10 เมษายน 2564 เมื่อ เวลา 12.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานที่งานรำลึกสดุดีวีรชน 11 ปี 10 เมษายน 53  อนุสรณ์สถาน 14ตุลา (แยกคอกวัว)  แกนนำเริ่มทยอยมา  อาทิ นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ, และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.

ต่อมา นางธิดา ได้ขึ้นปราศรัยในงานดังกล่าว ช่วงหนึ่งว่า  ขอให้วีรชนไปสู่สุคติ เพราะวันนี้มีคนรุ่นใหม่ สืบทอดเจตนารมณ์แล้ว ขอให้หลับอย่างเป็นสุข ตอนนี้มีคนรับช่วงแล้ว ทั้งขอให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมือง แกนนำที่ถูกจับกุมอยู่ในขณะนี้

ขณะที่หมอเหวง ได้ขึ้นพูดด้วยว่า ขอยกย่องวีรชนคนเสื้อแดงที่พลีชีพ เพื่อให้ได้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน บัดนี้คนรุ่นใหม่ได้เชื่อมหลอม 11ปีของคนเสื้อแดงแล้ว ดังนั้นพวกเราคนเสื้อแดงพร้อมเข้าร่วมชุมนุมกับคนรุ่นใหม่ ควรต้องเข้าร่วม ซึ่งเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3ข้อนั้นตกผลึกแล้ว ตนเองเห็นด้วยทุกประการ และขอให้ปล่อยตัวคนที่ถูกจับ ปล่อยแกนนำออกมา

ด้านนายวรชัย ขึ้นมากล่าวช่วงหนึ่งว่า ทุกองค์กร จะต้องมีการปฏิรูป การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นที่สุดของประวัติศาสตร์แล้ว ดังนั้นการปฏิรูปต้องเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลง ย่อมเกิดขึ้นกับทุกองค์กร  เพราะมีความจำเป็นเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น

นอกจากนี้นายณัฐวุฒิ ยังขึ้นกล่าวส่งท้ายบางช่วงด้วยว่า ขอให้ปล่อยเด็กที่ติดคุกออกมา ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหา อยากให้คนรุ่นใหม่ชุมนุมอย่างสันติวิธี ถึงเวลา คนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกรุ่นเปิดใจคุยกัน  วันนี้ประชาชนมีอำนาจสูงสุดของประเทศ ประชาชนไม่ปรารถนาชิงอำนาจจากมือใคร จึงต้องยืนเหยียดตัวตรงโดยบอกว่า

“อำนาจเป็นของประชาชน ลูกหลานต้องการอนาคต รูปแบบการปกครองที่ดีกว่า จะหลีกเลี่ยง ปฏิเสธ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งต้องแลกด้วยความสูญเสีย เลือดเนื้อ อิสรภาพของคนหนุ่มสาว และขณะนี้ตนยังไม่คิดจะร่วมชุมนุมหรือปราศรัยกับม็อบคนรุ่นใหม่ แต่หากจำเป็นที่เห็นว่า ต้องออกมาร่วมก็จะแจ้งให้ทราบ วันไหนก็วันนั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว

กระนั้นสำหรับงานรำลึกนี้ แม้จะมีการอ้างถึงวีรชน หากแต่สังคมไทยก็ตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่า เขาเหล่านี้เป็นวีรชนของใคร ซึ่งแน่นอนไม่ใช่วีรชนของคนไทยทั้งประเทศแน่ เพราะอย่าลืมว่า ประเทศที่ผ่านมามีกี่ม็อบ ก็ล้วนแล้วแต่มีผู้สูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มกปปส. หรือ พันธมิตรฯ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ที่ผ่านมจะเห็นว่าไม่เคยออกมาเรียกร้อง หรือ ป่าวประกาศถึงวีรกรรม หรือ ยกย่องวีรชนแต่อย่างใด ไม่เคยฉวยโอกาสออกมาเรียกร้องความยุติธรรม หรือ ใช้เป็นเงื่อนไขปลุกระดมชุมนุม ต่างจากกลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช.

รวมทั้งยังมีการพูดถึง3แกนนำอย่างนายณัฐวุฒิ หมอเหวง และนายวรชัย ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษที่ผ่านมาไม่นานนี้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และนอกการตั้งข้อสังเกตุนี้แล้วยังมีการมองกันอีกว่า การที่นายณัฐวุฒิ พูดถึงพวกเดียวกัน โดยทิ้งท้ายว่า ไม่เคยกลัวใครนั้น เป็นการส่งสัญญาณไปถึงนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช.หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกันมีการท้าท้ายกันว่า หากนายณัฐวุฒิ เข้าร่วมชุมนุมกับม็อบสามกีบ ทางนายจตุพร จะลาออกจากตำแหน่งประธานนปช.ให้นายณัฐวุฒิทันที!!!