โดนแล้ว! ร้องดีอีเอส ปิด “ลาซาด้า-เพจนาราฯ” เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง พบกรณีเดียวกันมีคำสั่งศาลกว่า 2 พันรายการ

1661

โดนแล้ว! ร้องดีอีเอส ปิด “ลาซาด้า-เพจนาราฯ” เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง พบกรณีเดียวกันมีคำสั่งศาลกว่า 2 พันรายการ

จากกรณีโลกโซเชียลมีเดีย ได้เกิดกระแสแบนลาซาด้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดัง หลังจากลาซาด้าได้มีแคมเปญลดราคาสินค้าพิเศษ แต่ปรากฏว่านายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย เน็ตไอดอลชื่อดัง ทำคลิปวิดีโอและภาพนิ่งโปรโมทแคมปเปญดังกล่าวของลาซาด้า ซึ่งพบว่ามีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง

ล่าสุดวันนี้ (9 พฤษภาคม 2565) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ รมว.กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการขอให้ศาลพิจารณาสั่งปิดแพลตฟอร์ม Lazada และเว็บเพจนารา เครปกระเทย ที่ได้จัดทำและเผยแพร่คลิปวิดีโอ และภาพนิ่งโปรโมตแคมเปญสินค้าลดราคาในสื่อออนไลน์เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมาในลักษณะพาดพิง ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง และบูลลี่คนพิการ อันกระทบต่อศีลธรรมจรรยา เกิดความแตกแยกในสังคม และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ ถึงแม้เจ้าของเว็บเพจนารา เครปกระเทย หรือนายอนิวัติ ประทุมถิ่น จะได้ออกมาภาคเสธต่อการกระทำดังกล่าว แต่การที่บริษัทเอเยนซี่ และบริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อกรณีดังกล่าว ก็เป็นการยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แม้คำขอโทษจะปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆก็ตาม แต่เนื่องจากพฤติการณ์และการกระทำที่เกิดขึ้นปวงชนชาวไทยที่เทิดทูล เคารพศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์จึงมิอาจยอมรับและให้อภัยได้

กรณีดังกล่าว เป็นความผิดทางอาญา หลายกรรม หลายวาระ อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ประกอบมาตรา 14(3) แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 เป็นอำนาจหน้าที่ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอไปยังอัยการ เพื่อยื่นต่อศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป

แต่กรณีเจ้าของแพลตฟอร์ม Lazada และเว็บเพจนารา เครปกระเทยนั้น ผู้ที่มีอำนาจในการดำเนินการลงโทษ โดยการสั่งปิด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อเพจหรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ต่อไปได้นั้น อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) ที่จะต้องดำเนินการทำคำฟ้องเสนอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งปิดเพจและแพลตฟอร์มดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้วดีอีเอสเคยดำเนินงานระงับข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสมที่กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ กรณีหมิ่นสถาบันฯไปแล้วมากกว่า 100 คำสั่งศาล 2,032 รายการ (URLs) โดยได้ดำเนินการประสานแจ้งความ กับ ปอท. แล้วกว่า 581 URLs เว็บลามกอนาจาร 9 คำสั่งศาล 179 รายการ การละเมิดลิขสิทธิ์ 3 คำสั่งศาล 47 รายการและเว็บพนันออนไลน์ 4 คำสั่ง 409 รายการ รวม 116 คำสั่งศาลมากกว่า 2,667 รายการ

ดังนั้น เมื่อกรณีแพลตฟอร์มค้าขายสินค้าชื่อดังจากต่างประเทศใดๆ ที่บังอาจเข้ามาทำการค้าขายโดยก้าวล่วงสถาบัน ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ สร้างความตื่นตระหนก สร้างความสับสนแตกแยกให้กับประชาชน และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ดีอีเอสจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ลูบหน้าปะจมูก แม้จะเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มาจากไหนก็ตาม นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด