ชาวอมริกันสุดทน “ไบเดน” ฟาดเจ็บ ไม่รู้วิธีช่วยปชช.ตัวเอง แต่พล่านเป็น “วีรบุรุษของโลก”
จากกรณีที่ Post Today ได้นำเสนอบทความที่น่าสนใจ ในประเด็นเสียงเรียกร้องของชาวสหรัฐฯ ต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน ถึงความเดือดร้อนที่พวกเขาต้องเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาไร้บ้าน อดอยาก ไม่มีงานทำ ในขณะที่ปธน.ของตัวเองกลับอนุมัติเงินมากมายช่วยเหลือชาติอื่น โดยมีเนื้อหาระบุว่า
สหรัฐฯ ประเทศที่คนไทยหลายๆ คนอยากย้ายไปตั้งรกรากด้วยความหวังว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งของประเทศในฝันแห่งนี้กลับมีคนไร้บ้านมากมายต้องอยู่อย่างไร้คนเหลียวแลจากรัฐบาล ทั้งๆ ที่สหรัฐส่งเงินหรือความช่วยเหลือต่างๆ ไปช่วยประเทศอื่นไม่รู้กี่ล้านดอลลาร์
คลิปวิดีโอในยูทูบของ FigNews เรื่อง sad life of homeless people in America (ชีวิตที่น่าเศร้าของคนไร้บ้านในอเมริกา) พาไปดูสภาพชีวิตของคนไร้บ้านตามที่ต่างๆ บางคนต้องนอนกันบนทางเท้าริมถนนโดยไม่มีอะไรกันแดดกันฝน บางคนดีขึ้นมาหน่อยก็ยังพอมีรถยนต์ให้อาศัยหลับนอนต่างบ้าน ใต้คลิปมีการแสดงคามคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาสังคมของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
“นี่คือสิ่งที่ผมได้ยินจากเด็กสาวคนหนึ่ง เธอพูดถึงผู้นำของเราในสหรัฐที่พยายามเป็นวีรบุรุษของโลก แต่กลับไม่มีใครรู้วิธีช่วยเหลือพลเมืองของตัวเองอย่างฉัน ครั้งหนึ่งฉันเป็นผู้หญิงที่มีความสุขเหมือนลูกสาวคุณและไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์จนโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น
ฉันสูญเสียพ่อแม่ในวัย 19 ฉันสิ้นหวังและไม่มีใครช่วยฉันได้เลย ครอบครัวฉันยากจนและไม่ได้มีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ต้องหาเงินจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์อย่างยากเย็นทุกเดือน ฉันถูกไล่ออกจากอพาร์ตเม้นต์ ฉันสูญเสียที่ที่หนึ่งที่มีความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับพ่อแม่
ฉันสิ้นหวังและเชื่อผู้ชายคนหนึ่งที่คิดว่าเขาแคร์ฉันหลังจากต้องนอนตามพื้นมา 8 เดือน เขาให้คุกกี้แห่งความสุขฉันแล้วพาฉันไปสนุกกับชีวิตของเขาโดยใช้ XXXX ตอนนี้ก็ 5 ปีแล้วที่ฉันติดมัน ฉันไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มาเท็กซัสได้ไงและมาทำไม ฉันได้ยินว่าบรรดาผู้นำช่วยฉัน แต่พวกเขาทำเงินจากเรา พวกเราไร้บ้าน ไม่มีใครได้ยินเสียงเราหรอก
วันหนึ่งในมิสซิสซิปปีบ้านเกิดของฉัน คิดว่าตำรวจจะมาช่วยฉัน แต่เขากลับจ่ายเงินซื้อฉันเพื่อตัวเอง ฉันทำเพื่อหาเงินประทังชีวิต ไม่มีใครยื่นมือช่วยฉันจนกระทั่งฉันเจอคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าเขารัก เมื่อนานมาแล้วฉันเคยเป็นเด็กหญิงที่มีความสุข”
เจ้าของคอมเมนต์นี้เล่าว่า เขาพยายามช่วยเธอและพาไปบ้านพักแต่เธอกลัว “นี่คือประเทศของเรา เราเป็นคนเหมือนกัน และเราต้องลุกขึ้นมาช่วยกันก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้”
นอกจากนี้ ประชาชนยังบอกว่า “สิ่งที่คนไม่รู้คือมีโครงการของรัฐบาลที่พร้อมจะช่วยเหลือคนยากไร้ แต่คุณต้องมีวุฒิการศึกษาระดับวิทยาลัยจึงจะหาวิธีสมัครโปรแกรมเหล่านี้ได้ เพราะระบบราชการและความล่าช้า และกฎเกณฑ์ละเอียดยิบย่อยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่มีสุขภาพจิตดีเป็นบ้าได้
ยกตัวอย่างเช่น มีโครงการแสตมป์แลกอาหารที่ดำเนินการโดยรัฐบาล ที่บัตรเดบิต (ที่มีเงิน) จะถูกส่งไปที่บ้านของคุณถ้าคุณไม่มีเงินซื้ออาหาร คุณสามารถใช้บัตรเดบิตนั้นซื้อของชำ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะบอกกับคุณด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า คุณเป็นคนไร้บ้านคุณเลยไม่มีสิทธิ์ได้ เพราะไม่มีที่อยู่ที่จะส่งบัตรไปให้ บางคนได้บัตรเดือนละ 200 ดอลลาร์ แต่ฉันเคยเห็นบางคนที่จนมากๆ ได้แค่เดือนละ 15 ดอลลาร์ เพราะพวกเขาไม่สามารถหาเอกสาร หรือไม่สามารถกรอกแบบฟอร์มใบสมัครที่สับสนอย่างยิ่งเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง
สื่อของเรา และรัฐบาลคอยบอกเราอยู่เสมอว่าเราสามารถทุ่มเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับและทำสงครามที่น่าสยดสยองในสถานที่ต่างๆ เช่น อัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย เยเมน ยูโกสลาเวีย ยูเครน ฯลฯ แต่กลับไม่สามารถหาบ้านให้คนไร้บ้าน”
นอกจากนี้ ยังมีคนพูดถึงประเด็นการขึ้นค่าเช่าในช่วงวิกฤตว่ารัฐบาลเอาใจนายทุนเกินไปหรือไม่ อาทิ
“น่าเศร้าที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกลายเป็นคนไร้บ้านหากค่าเช่ายังคงเพิ่มขึ้น ถ้าคุณโสดคุณจะลำบากในการหาอพาร์ตเม้นต์ที่ถูกกว่าเดือนละ 1,000 ดอลลาร์ นับจากวันที่ 1 เม.ย.ผมน่าจะต้องอาศัยอยู่ในรถ
เราต้องตัดสินใจระหว่างรถเส็งเคร็งที่ไม่มีค่าผ่อนและการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้อยู่อพาร์ตเม้นต์ดีๆ หรืออพาร์ตเม้นต์สลัมเส็งเคร็ง เพื่อให้มีรถใหม่พร้อมกับค่าผ่อน แต่ต้องกังวลว่าจะมีคนขโมย ถอดชิ้นส่วน หรือทำลายมัน
ต้องมีการลงมือทำบางอย่างเกี่ยวกับค่าเช่าที่พุ่งขึ้นแบบน่าเกลียด บางทีประชากร 90% น่าจะหันมาอาศัยในรถนะเจ้าของอพาร์ตเม้นต์จะได้ขาดเงินแล้วอาจจะลดค่าเช่าให้ ถ้าคุณยังโสดและต้องจ่ายค่าผ่อนรถ แล้วทำงานได้ชั่วโมงละ 20-20 ดอลลาร์ก็โชคร้ายหน่อยนะ”
นอกจากนี้มีประชาชนรายหนึ่ง บอกว่า “การเห็นความยากจนที่เพิ่มขึ้นจากวิดีโอใน Youtube ทำให้ฉันหยุดคิดไม่ได้ว่ารัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญกับประเด็นอื่นๆ มากกว่า ปัญหาความยากจนดูเหมือนจะเป็นความสำคัญลำดับ 2 หรือ 3 ซึ่งเราก็ได้แต่คาดเดาเอาเท่านั้น ไม่ใช่นักการเมืองหรอกหรือที่รับปากตอนหาเสียง ตอนสาบานตนว่าพวกเขาจะรับใช้ประชาชน และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนเหล่านั้น สัญญาไม่เป็นสัญญา
ฉันรู้สึกเห็นใจใครก็ตามที่ต้องอยู่ในสภาพตกต่ำเช่นนี้ไม่ว่าจะพบเห็นที่ไหน ฉันคิดว่าถ้าทุกประเทศหยุดผลิตอาวุธเพื่อทำลายล้างกัน จะไม่มีใครต้องหิวโหย ทุกชีวิตคงจะได้มีความสุขอยู่บนชายหาด สกีบนเทือกเบาแอลป์ หรือรับแสงแดดตอนเช้าอยู่ในสวนสาธารณะสักทีแล้วสูดดมความสดชื่นของต้นหญ้า นั่นไม่ใช่ความคิดที่ผู้นำโลกทุกคนจะต้องพิจารณาหรอกหรือ ฉันว่ามันคงเป็นเพียงฝันของคนธรรมดาๆ อย่างฉันที่เพ้อฝันไปเรื่อย ยังดีที่ยังไม่มีใครมาควบคุมความฝันของเราได้”
“บรรดาวุฒิสมาชิกและสภาคองเกรสทั้งหลายทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถตกลงร่วมกันและยกมืออนุมัติงบเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธทันทีโดยไม่ต้องคิด พวกเขาไม่ต้องถกเถียงกันหรือคิดทบทวนเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องคนไร้บ้าน หรือระบบประกันสุขภาพ พรบ. ประกันสุขภาพคือปัญหาหลัก ให้ตายเถอะ ทั้งสองพรรคนั่นแหละ”
“ถ้าคุณคิดว่านี่มันน่าหดหู่แล้ว ลองมองคนไร้บ้านในลอลแองเจลิส พอร์ทแลนด์ และซีแอตเทิลดู อีก 20 หรือ 30 ปีข้างหน้าจะมีคนไร้บ้านอีกหลายล้านคน เพราะความโลภของพวกเจ้าของบ้านเช่าและรัฐบาลที่ไร้ความสามารถของพวกเรา”
“รัฐบาลของเราจำเป็นต้องหยุดให้เงินประเทศอื่น พวกเราต้องโต้แย้งรัฐบาลและบอกให้พวกเขารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องดูแลประชาชนของตัวเองแล้ว”
“นี่คือฟีนิกซ์ แอริโซนา สหรัฐ ผมเติบโตและเคยอยู่ที่นั่นมากว่า 40 ปี แต่ไม่ได้อยู่ที่นั่นมา 20 ปีแล้วแต่มาจากที่นั่น ผมบอกคุณได้เลยว่าบางที่ในคลิปคือแถวย่านดันแล็บ และถนนอินเตอร์สเตต 17 เมื่อ 20 ปีที่แล้วแถวนั้นไม่มีคนไร้บ้าน สหรัฐแก้ปัญหาความยากจนได้โคตรแย่ มันอยู่ห่างจากโต๊ะการอภิปรายทางการเมืองเท่าๆ กับระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์นั่นแหละ บางคนที่เป็นคนประเทศอื่นที่เข้ามาคอมเม้นต์บอกว่ามันดูเหมือนสถานที่ที่สภาพชีวิตแย่มากๆ ผมเห็นด้วย พวกเรากลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย??”
“มันน่าเศร้ามากที่ต้องเห็นคนทุกข์ยากขนาดนี้ในสหรัฐ!!! สหรัฐอ้างว่าเป็นมหาอำนาจได้อย่างไรในเมื่อพลเมืองของตัวเองตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้??? สหรัฐให้ความสำคัญกับอาวุธและสงครามได้อย่างไรในเมื่อพลเมืองของตัวเองยังไม่สามารถซื้ออาหารหรือมีหลังคาคุ้มหัว???!!! ผมโมโหมากๆ และเสียใจมากระหว่างที่ดูคลิปนี้ ขอพระเจ้าโปรดช่วยคนยากคนจนในสหรัฐด้วย อาเมน”
“มันน่าเศร้าและใจสลายมากที่ได้เห็นคนไร้บ้านในสหรัฐ ประเทศที่ร่ำรวยไม่สามารถช่วยเหลือพลเมืองของตัวเอง พวกเขามีเงินและอาวุธไปโจมตีประเทศอื่น ขอพระเจ้าโปรดเมตตาคนไร้บ้านเหล่านี้ด้วย”
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานการสำรวจคะแนนนิยมผู้นำสหรัฐฯ ปธน.โจ ไบเดนล่าสุดในช่วงเดือนมี.ค.ต่อเม.ย.2565 เปรียบเทียบกับอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ 41% ต่อ 42% ถือว่าได้คะแนนต่ำสุดในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อเสียงฮือฮาในหมู่นักการเมืองสหรัฐมาก นอกจากนี้ คนหนุ่มสาววัยGenZ ซึ่งเคยมีคะแนนสนับสนุนปธน.โจ ไบเดนกลับสนับสนุนน้อยลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในช่วงแรก ๆ ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน ตั้งแต่มกราคม 2564 ถึงมิถุนายน 2564 สมาชิก Gen Z ที่เป็นผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย 6 ใน 10 คนซึ่งเกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2004 สนับสนุนไบเดนมาก แต่คะแนนนิยมในช่วงเวลาตั้งแต่กันยายน 2564 ถึงมีนาคม 2565 ตัวเลขดังกล่าวกลับลดลงเหลือเพียง 39% โดยเฉลี่ย