ราคาน้ำมันร่วง!?! ทำมหาอำนาจเจ็บหนัก บริษัทผวาล้มละลาย รับกลัวมากกว่าไวรัสระบาด?!? สหรัฐเสี่ยง 1,100 บริษัท

2406

ผู้ประกอบกิจการน้ำมันซึ่งเคยมีวันแห่งความมั่งคั่ง กลับต้องคอยวิตกถึงราคาน้ำมันในแต่ละวัน ว่าจะทรงตัว ฟื้นคืน หรือร่วงหนัก  แม้คาดการณ์ว่าการเปิดเมือง และการระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันกระเตื้องขึ้น  แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น โควิดยังแพร่ไม่หยุด ราคาน้ำมันดิ่งลึกแกว่งขึ้นเล็กน้อยแล้วตกลงอีก แม้มหาอำนาจน้ำมันจับมือกันลดกำลังผลิต ก็ช่วยไม่ได้มากส่งผลบริษัทยักษ์ฯน้ำมันทั่วโลก เดินเข้าสู่ภาวะล้มละลาย และอีก 500-1,100 บริษัทในสหรัฐเพิ่มความเสี่ยง

Brent crude LCOc1ราคาตกลง 10 เซ็นต์ หรือเท่ากับ 0.2% =43.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล โดย 0047 GMT, หลังจากที่ร่วงลงเมื่อสัปดาห์ก่อน  ราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐ ตกลง 6 เซ็นต์ หรือ 0.2% ที่ราคา 40.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อ บาเรลหลังจากที่สัปดาห์ก่อนขึ้นไป 4%

สตีเฟน อินเนส, ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์การตลาดโลกของ Axicorp.กล่าวว่า“ขณะที่คนป่วยสะสมของโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน และสหรัฐอเมริกาก็ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่รัฐแถบ Sunbelt เริ่มมีระดับกราฟคงที่ ซึ่งอาจหมายถึง การควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-16 เริ่มพอมองเห็นผล แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นแม้แต่น้อย”

เดือนกรกฎาคม ดีมานด์น้ำมันเริ่มเงยหัวขึ้น จากที่ตกไป 30% ในเดือนเมษายน เมื่อทั่วโลกสั่งล็อกดาวน์ ความต้องการใช้น้ำมันจึงลดลงตามความเข้มข้นของการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานนี้น้ำมันค้าปลีกยอดขายตกลงต่อเนื่องในขณะที่ไว้รัสติดเชื้อพุ่งไม่หยุด

ยอดนำเข้าน้ำมันของญี่ปุ่นตกลงไป 14.7% ในเดือนมิถุนายน เทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2519 ต่างจากเดือนเมษายนที่ยอดตกลงไปถึง 25%

ยอดการส่งออกจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 3 ประเทศ คือสหรัฐ, อเมริกา, อินเดีย หล่นลงสองเท่าในรอบ 4 เดือน ผลจากการถูกไวรัสโควิด-19 ถล่มหนัก ขณะที่ในสหรัฐ ลดกำลังการผลิตทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ของรอบการผลิต ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

บิสซิเนส อินไซเดอร์ระบุว่าสหรัฐเป็นประเทศที่เผชิญกับสถาณการณ์น้ำมันสต๊อกล้นคลังที่รุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า แหล่งเก็บน้ำมันที่สำคัญของประเทศที่รัฐโอคลาโฮมา มีประมาณสต๊อกเพิ่มขึ้นถึง 48% จากช่วงปลายเดือน ก.พ. 2563 โดยปัจจุบันมีน้ำมันดิบในคลังที่ 55 ล้านบาร์เรล จากปริมาณซัพพลายน้ำมันส่วนเกินของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก S&P Global Platts Analytics ชี้ว่า คลังเก็บน้ำมันสำรองของสหรัฐเต็มความจุภายในเวลาไม่เกินเดือนมิถุนายน  กล่าวคือถึงปัจจุบันนี้ที่ยอดความต้องการใช้น้ำมันของผู้บริโภคยังไม่เพิ่มขึ้น แม้ลดกำลังผลิตไปแล้ว ภาวะสต็อกล้น ยังคงอยู่ในสภาพทรงตัว

งานวิจัยจาก Dallas Federal Energy Survey เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบที่เป็นจุดคุ้มทุนของบริษัทน้ำมันสหรัฐ เฉลี่ยอยู่ที่ 48-54 เหรียญ/บาร์เรล

ถ้าราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะส่งผลให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐ 533 แห่ง ถูกยื่นฟ้องล้มละลายได้  โดยบริษัทเหล่านี้มีหนี้สินรวมราว 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 และอีก 177,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 ที่จะถูกเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้  ขณะที่ถ้าราคาลดลงถึง 10 เหรียญ/บาร์เรล จะส่งผลให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐกว่า 1,100 แห่ง ต้องยื่นล้มละลาย โดยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท Whiting Petroleum ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่โคโลราโด สหรัฐอเมริกา ได้ยื่นขอล้มละลายไปแล้ว และบริษัท Hin Leong ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของสิงคโปร์ ประสบปัญหาขาดทุนจากการซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้ากว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ยื่นขอล้มละลายเช่นกัน

………………………………………

https://www.reuters.com/article/us-global-oil-idUSKCN24L036

https://www.businessinsider.com/oil-price-crash-what-analysts-are-saying-2020-4