แกะรอย”ฮุนเซน” กินดีหมี! เคยสั่งทำลาย “อาวุธสหรัฐ” ยกจีนมหามิตร คอยช่วยทุกอย่าง

1168

แกะรอย”ฮุนเซน” กินดีหมี! เคยสั่งทำลาย “อาวุธสหรัฐ” ยกจีนมหามิตร คอยช่วยทุกอย่าง

จากกรณีที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับเชิญจากสหรัฐอเมริกาไปร่วมประชุมนั้น ทั้งนี้โดยเป็นการประชุมสุดยอดพิเศษของสหรัฐอเมริกา และผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันที่ 28-29 มีนาคม ที่กรุงวอชิงตันโดยยืนยันจะไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของไทยกับรัสเซีย

“เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีปัญหาเหมือนในปัจจุบัน เราคุยกันในหลักการแล้วว่าจะมีการพูดคุยกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับผู้นำในประเทศอาเซียน และพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบรับไปเข้าร่วมการประชุมตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่มีอะไร เราต้องช่วยกันทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ได้แม้ได้รับผลกระทบทั้งจากเรื่องสินค้าและเรื่องต่างๆ มากมายจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน” นายดอน กล่าว

หากย้อนไปก่อนหน้านี้ 3 กันยายน 2564 ในการหารือทวิภาคี หวัง อี้ ได้พูดคุยกับฮุนเซน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในประเด็นการต่อสู้กับโควิด-19 การค้าและการลงทุน การศึกษา และความมั่นคง ที่กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชากล่าวก่อนหน้านี้ว่าการพบหารือของหวัง อี้ ในวันอาทิตย์และวันจันทร์ ยังรวมถึงการหารือในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลกที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

จีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดและเป็นหุ้นส่วนทางการเมืองที่ใกล้ชิดที่สุดของกัมพูชา ที่ความช่วยเหลือส่วนใหญ่สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ฮุนเซนไม่ได้ให้รายละเอียดว่าความช่วยเหลือจากปักกิ่งจะถูกนำไปใช้สำหรับสิ่งใด

ฮุนเซนกล่าวยกย่องจีนสำหรับความช่วยเหลือที่เกิดขึ้น ในพิธีส่งมอบสนามกีฬาแห่งชาติแห่งใหม่ที่มีขนาดความจุ 60,000 ที่นั่ง ซึ่งสร้างขึ้นบริเวณชานเมืองของกรุงพนมเปญ โดยรัฐบาลจีนให้ทุนสนับสนุน 160 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการนี้ ตามการรายงานของสำนักข่าวเอเคพีที่อ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว

“ก่อนหน้านี้ เราไม่สามารถจินตนาการได้ว่ากัมพูชาจะมีสนามกีฬาขนาดใหญ่เช่นนี้ที่นี่ แต่จีนช่วยทำให้มันเกิดขึ้นสำหรับเรา” ฮุนเซนกล่าวในพิธีส่งมอบ ที่ผู้นำเขมรเรียกสนามกีฬาแห่งนี้ว่าเป็นผลแห่งมิตรภาพที่เหนียวแน่นแข็งแกร่งระหว่างจีนและกัมพูชา

ในการกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อหลังการประชุมหารืออีกนัดหนึ่งกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา หวัง อี้ ยังระบุแบบเดียวกันว่า “ขอให้มิตรภาพระหว่างจีนและกัมพูชามั่นคงกว่าเหล็กและแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า”

นอกจากนี้ ฮุนเซนยังชี้ให้เห็นถึงความช่วยเหลืออื่นๆ จากจีนสำหรับการก่อสร้างถนนที่รวมความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร และสะพานขนาดใหญ่ 7 แห่งข้ามแม่น้ำโขง แม่น้ำโตนเลสาบ และแม่น้ำบาสัก รวมถึงวัคซีนที่จีนขายและบริจาคที่ช่วยกัมพูชาต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ฮุนเซนกล่าวเสริมว่ากัมพูชาไม่ได้พึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียว แต่เป็นมิตรกับทุกประเทศทั่วโลก และยินดีรับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2564 เอเอฟพี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา มีคำสั่งให้กองทัพทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นของสหรัฐอเมริกาหรือนำไปทิ้งในโกดัง ไม่กี่วันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาประกาศควบคุมการส่งออกสินค้าและบริการทางความมั่นคงแก่กองทัพและหน่วยข่าวกรองของกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคอร์รัปชั่น รวมถึงบทบาทและอิทธิพลของจีนในประเทศ

“ผมสั่งให้หน่วยงานทั้งหมดของกองทัพดำเนินการตรวจสอบอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางการทหารที่กัมพูชามีประจำการในปัจจุบัน เราต้องยกเลิกใช้งานอาวุธและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด หากมีประจำการให้นำไปไว้ในโกดังหรือทำลายทิ้ง” นายกฯ ฮุนเซนระบุผ่านข้อความที่โพสต์ทางเฟซบุ๊ก

และว่า “การคว่ำบาตรทางอาวุธของสหรัฐเป็นสัญญาณเตือนถึงชาวกัมพูชารุ่นใหม่ที่ในอนาคตจะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ หากพวกเขาต้องการความมั่นคงที่เป็นอิสสระ ได้โปรดอย่าใช้อาวุธของสหรัฐ ผู้ใช้อาวุธของสหรัฐจำนวนมากต่างปราชัยในสงคราม” นายฮุนเซนระบุโดยยกตัวอย่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับอัฟกานิสถาน

ทั้งนี้ ประเด็นขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับกัมพูชาเริ่มตึงเครียดขึ้นหลังจากทางการสหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชา 2 คน ในข้อกล่าวหาทุจริตที่เชื่อมโยงกับฐานทัพเรือซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้นายกฯ ฮุนเซนยังแสดงจุดยืนชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดของทางการจีน หนำซ้ำรัฐบาลของนายฮุนเซนยังรื้อถอนอาคารในฐานทัพเรือเรียมซึ่งสร้างขึ้นด้วยงบประมาณส่วนหนึ่งจากสหรัฐและเป็นฐานทัพหลักที่ใช้ในการซ้อมรบด้วย

โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องตรวจสอบเพราะสงสัยว่าฐานทัพดังกล่าวอาจถูกปรับเปลี่ยนให้กองทัพจีนเข้ามาใช้งานแทนที่ อย่างไรก็ตาม นายฮุนเซนยืนกรานปฏิเสธข้อครหาและว่ากองทัพจีนไม่เคยมีกิจกรรมทางการทหารที่ฐานทัพเรียม

และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฮุน เซน ได้โพสต์คลิปเสียงบนเฟซบุ๊ก กล่าวขอบคุณจีนผู้เป็นมหามิตร ที่เตรียมบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค ให้กับกัมพูชาจำนวน 1 ล้านโดส เพื่อแจกจ่ายให้กับประชากรกลุ่มแรก 500,000 คน

 

“สหายจีนกำลังช่วยวัคซีนเรา 1 ล้านโดส เพื่อปกป้องประเทศและประชาชนของเราจากไวรัสร้ายนี้ หลายประเทศใช้วัคซีนกันแล้ว รวมถึงซิโนแวค และซิโนฟาร์มของจีน นี่เป็นสิ่งจำเป็น เราไม่อาจรอได้อีกต่อไป”

ผู้นำรัฐบาลพนมเปญกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี ข้าราชบริพารในราชสำนัก รัฐสภา วุฒิสภา บุคลากรด้านสาธารณสุข ครู ผู้สูงวัย และทหาร จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีน กัมพูชาซึ่งมีประชากรราว 16 ล้านคน แต่กลับมีรายงานยอดผู้ป่วยสะสมเพียง 426 ราย และยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยกัมพูชาถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดสุดของจีน จากการได้รับความช่วยเหลือด้านเงินกู้ และการลงทุนจากจีนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เว็บไซต์นิเกอิรายงานโดยระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาจะจัดหาวัคซีนล็อตแรก 1 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชนฟรีๆ โดยวัคซีนนั้นต้องเป็นชนิดเดียวกับที่ประเทศพัฒนาแล้วสั่งมาใช้ และเป็นวัคซีนที่อนามัยโลก (WHO) รับรองเท่านั้น โดยนายกฯฮุนเซนกล่าวตอนหนึ่งว่า “กัมพูชาไม่ใช่ถังขยะ หรือสถานที่ทดลองวัคซีน กัมพูชาจะไม่ยอมเป็นหนูทดลองวัคซีนของชาติใด