จากที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติในการประชุมสภาฯช่วงหนึ่งถึงสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2021 โดยลดระดับการค้ามนุษย์ของไทยลงไประดับกลุ่มที่เกือบแย่ที่สุดนั้น
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ ระบุว่า หากไปดูรายละเอียดพบว่ามีการลักลอบขนคนผิดกฎหมายข้ามชายแดนระหว่างเมียนมากับไทย มีการเรียกเก็บเงิน10,000-70,000 บาทโดบขบวนการเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หน่วยงานท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทั้งที่เราเคยมีความพยายามปราบปรามการค้ามนุษย์จนเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้
“ตั้งแต่นายหน้าค้ามนุษย์จนถึงทหารระดับสูงที่มีพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นอดีตหัวหน้าชุดทำคดีโรฮีนจาในช่วงปี 2558 โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา พบชาวโรฮีนจา โรงนอนและหลุมศพจำนวนมาก เป็นการค้าทาสและเป็นความอำมหิต โดยมีอาชญากรในเครื่องแบบร่วมด้วย มีนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ ทหารหลายนายร่วมโดยเฉพาะพล.ท. มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ซึ่งเป็นจำเลยสำคัญในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา”
นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่า ต่อมาพล.ต.ต.ปวีณได้ขอลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลีย โดยมีคำให้การต่อทางการทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เคยเป็นตำรวจมือฉมังปราบมาเฟียแท็กซี่ที่จ.ภูเก็ต และคดีค้ามนุษย์ โดยตามหาพยานเองและนำจนมาสู่การออกหมายจับ และพบหลักฐานการโอนเงินของผู้ต้องหาลงชื่อให้กับ1ในขบวนการค้ามนุษย์ คือเจ๊ง้อที่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว และตนทราบข้อมูลว่าเจ๊ง้อคนนี้มีสายสัมพันธ์โยงใยกับนายทหารระดับอดีตผบ.ทบ.ที่อยู่ในรัฐบาลนี้ด้วย
“คดีหายไปนานตั้ง 6 ปีก็เพิ่งมาจับตัวลูกสาวเจ๊ง้อได้ สงสัยว่าพอถูกลดระดับก็ต้องเร่งทำผลงานหรือไม่ อีกชื่อในใบสลิปที่รับเงินมาคือชื่อของพล.ท.มนัส ปรากฎกว่าหลักฐานเหล่านี้พล.ต.ต.ปวีณรู้มาจากนักข่าว เพราะมีขบวนการขัดขวางการสืบสวนสอบสวน ปิดบังพยานหลักฐานต่างๆ ที่ทำโดยตำรวจเพื่อนร่วมอาชีพ ถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่คุมตำรวจในเวลานั้นเคยรู้บ้างหรือไม่” นายรังสิมันต์ อภิปราย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงเสร็จสิ้น จึงเดินออกจากห้องประชุมสภาฯ ทำให้นายรังสิมันต์ ลุกขึ้นท้วงว่า “ผมเพิ่งอภิปรายเรื่องตำรวจ ท่านนายกฯจะเดินหนีแบบนี้จริงหรือครับ ท่านจะไม่ตอบอะไรถึงกรณีที่คุณปวีณ ลี้ภัยเลยหรือครับ ท่านจะใจดำ อำมหิต แบบนี้จริงๆหรือครับ”
ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ท้วงว่า อย่าเสียดสี แต่นายรังสิมันต์ แย้งว่า ตนอภิปรายตามญัตติ และตั้งคำถาม ตนเข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของนายกฯ แต่ถ้านายกฯให้เกียรติสภาฯกรุณาตอบคำถามหน่อยว่าสิ่งที่ตนถามแม้เป็นเรื่องที่ผ่านมานาน แต่ท่านก็ควรจะรู้และควรจะชี้แจง ทำให้ท่านไม่คิดจะตอบอะไรเลย ตนเข้าใจดีว่าเรื่องนี้กระอักกระอ่วนต่อท่านนายกฯ แต่ถ้าท่านจะใจดำ อำมหิตแบบนี้ก็ไม่สมควรเป็นนายกฯอีกแล้ว
ขณะที่นายรังสิมันต์ ยังไม่ยอมถอนคำว่านายกฯอำมหิต ทำให้นายสุชาติ แจ้งว่ามีข้อบังคับอยู่เมื่อให้ถอนแล้วนายรังสิมันต์ไม่ยอมถอน ก็ต้องออกนอกห้องประชุม ด้านนายรังสิมันต์ แจ้งว่า ตนพร้อมออกนอกห้องประชุม จากนั้นนายรังสิมันต์ เดินออกนอกห้องประชุมทันที
ก่อนหน้านี้ทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่าเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ได้ให้ ส.ส. ในที่ประชุมกล่าวคำปฏิญาณตนอันเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มทำหน้าที่ ส.ส.
จากนั้น นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ยุติการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายธนาธรได้ยกมือขอพูด ก่อนจะแนะนำตัวพร้อมตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่นายชัยกล่าวว่า นายธนาธรได้ถูกศาลสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่มีสิทธิพูดในการประชุมนี้ ระหว่างนั้น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐได้ประท้วงไม่ให้นายธนาธรได้พูดในสภาฯ ในที่สุดนายธนาธรได้กล่าวในที่ประชุม ขอยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย แล้วได้เดินออกจากห้องประชุม ส่วนส.ส.พรรคอนาคตใหม่ชู 3 นิ้วพร้อมกัน