กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อโหรฟองสนาน จามรจันทร์ ได้ออกมาทำนายชะตาดวงเมืองในปี 2565 ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง และยังย้ำชัดด้วยว่าประเทศไทยถูกกำหนดมาให้อยู่คู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยคำทำนายได้ระบุไว้ว่า จะเป็นปีแห่งดาวใหญ่ย้ายราศี-ลางเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโผล่ จบปฏิวัติใหญ่เมืองสู่การโงหัว และเจ็ดปีของการปฏิวัติเศรษฐกิจ
ด้านดีตั้งแต่ต้นปีถึง 8 เมษายน 2565 หัวหน้าเทวดาประจำเมืองเข้มแข็งและให้คุณกับเมือง เมืองจึงยังมีแนวโน้มฟุ่งเฟือง คนลือเลื่องลาภเหลือหลาย(ต่อเนื่องมาจากประมาณ9พฤศจิกายน 2564 )
อีกทั้งระยะนี้เรื่องร้ายมากๆเช่นความเดือดร้อนจากโควิด19ที่เกิดแบบไม่อยากได้ก็มาเช่นประเภทกลายพันธุ์ (หินลาภาจักได้) ยังมีอยู่ แต่เมืองก็จะรอดมีโอกาสได้รับการชื่นชมยินดีหรือโด่งดังด้านสุขภาพ-รายได้เริ่มเข้ามา-เพื่อน ๆ ของเมืองหรือนักท่องเที่ยวกลับเข้าประเทศ-ตัวเลขทางเศรษฐกิจเริ่มออกแนวดีขึ้น
ส่วนลีลาของการเข้าสู่โหมดของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นยุบสภา-ลาออก-หรือปรับทีมงาน-นโยบายที่ผู้นำรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นใครต้องฝ่าด่านท้าทายเป็นระยะ ๆ เพียงแต่จะระดับใดเท่านั้น คือ ปรากฎการณ์นี้จะเริ่มด้วยมีแรงบีบในทางการเมืองเริ่มนำมาตั้งประมาณกลางมีนาคม 2565 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างระทึก+ตื่นเต้นเร้าใจ-ล็อคถล่ม+แปลกประหลาดสุด ๆ โดยจะเกิดขณะผู้นำรัฐบาลโดดเด่น ทรงอิทธิพลจนมีทางเลือกเองว่าจะเดินทางใด (พระอาทิตย์จร 1 เป็นศรี+อุจจ์) คาดสถานการณ์หนักสุดที่จะเกิดคือยุบสภา ( สถานการณ์ใกล้เคียงกันนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์เคยยุบสภามาแล้วเมื่อ 1พฤษภาคม 2529 )
ส่วนระยะเจ็ดปีนี้อาจปฎิวัติใหญ่เรื่องการสมรสที่เป็นทางการอาจไม่ใช่แค่หญิงชายแต่งงานกันอีกแล้ว (มฤตยูจรเดินอยู่ในบ้านพระศุกร์) ยังต้องสู้กันในอุดมการณ์-แนวความคิดสำคัญของชาติต่อไปอีกยาวนานประมาณ 18 ปี เริ่มที่สถาบันกษัตริย์ และคาดว่ายังจะมีเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีกแต่จิตใจคนไทยระเริ่มจะนิ่งขึ้น (มฤตยูจรหยุดทับพระอาทิตย์ ๑ ดาวจิตใจของเมือง) ดังที่เคยทำนายไว้ว่า 2 มีนาคม 2562 เป็นวันเริ่มยุคใหม่ที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่จะกินเวลายาวนานไปยี่สิบปี ยุคนี้คือยุค 4.0 ขึ้นไปที่จะมีความสะดวกสบาย-ล้ำสมัยมาก แต่สิ่งที่ตามมาคือจะมีการต่อสู่เรื่องอุดมการณ์สำคัญของชาติตลอดยุค ผลัดการรุก-รับ
ขณะนี้เริ่มปรากฏชัดคือเรื่องการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่ง กระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีมากมายก่อตัวปะทุออกมาเช่นการเกิดของสามนิ้ว คณะราษฏร์ 2563 (ขณะมฤตยูจรทับอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมืองซึ่งเป็นดาวจิตใจของคนไทยด้วย) แต่แม้จะต้องสู้กันต่อไปสถานการณ์จะเริ่มเปลี่ยนคือตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นต้นไป จิตใจคนไทยจะนิ่งขึ้นในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์
จะมีคำถามว่าแล้วผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ที่ผู้เขียนซึ่งอายุมากแล้วอาจไม่ได้อยู่ดีจนจบยุค แต่ก็บอกได้อย่างหนึ่งคือเมืองรัตนโกสินทร์ ถูกออกแบบมาเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่เมือง (พระอาทิตย์ ๑ กุมลัคนาเมือง) จึงไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะอยู่คู่เมืองต่อไป อาจจะเปลี่ยนเพียงตัวบุคคลและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเท่านั้น