หลังจากที่ธิษะณา ชุณหะวัณ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล ได้ทวีตข้อความ ระบุว่า “เมื่อวันก่อนเราพบคุณพ่อของไผ่จตุภัทร ที่ม็อบจะนะ สิ่งที่แกพูดกับเราคือ “มีคนบอกผมว่าผมเลี้ยงลูกอย่างไร ให้ติดคุก”
และน้ำตาแกไหลออกมา แล้วเราทราบจากแม่เจี๊ยบว่าพ่อของไผ่เป็นมะเร็งขั้นที่สี่มาสักพักแล้ว เราได้ยินแล้วน้ำตาไหล คิดถึงพ่อตัวเองขอให้รัฐไทยและศาลเมตตา #ปล่อยเพื่อนเรา ด้วย”อย่างน้อยให้เขาได้ใช้เวลากับพ่อเขาด้วยเถิด เห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง ในประเทศอื่นเขาคนออกมาประท้วงนโยบายรัฐไม่มีใครโดนจับติดคุกถ้าไม่ใช่รัฐเผด็จการบ้าอำนาจ
โดยในเวลาต่อมา ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล ยังทวีตข้อความต่ออีกว่า เขาเพียงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม เห็นต่างจากรัฐ ผู้ต้องหาทางการเมือง และนักโทษทางการเมืองทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยให้เขาได้ใช้เวลากับพ่อเขาด้วยเถิด เห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง ในประเทศอื่นเขาคนออกมาประท้วงนโยบายรัฐไม่มีใครโดนจับติดคุกถ้าไม่ใช่รัฐเผด็จการบ้าอำนาจ
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบในเฟซบุ๊กของพ่อ ไผ่ ดาวดิน ที่ใช้ชื่อว่า “วิบูลย์ บุญภัทรรักษา” ยังไม่ได้เคลื่อนไหวประเด็นเรื่องตนเองป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 จริงหรือไม่ แต่พบว่ามีร่างกายซูบผอมลงไปบ้าง และเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 64 ได้โพสต์รูปไผ่ และเขียนว่า “ปล่อยลูกกู” หลังจากนั้นได้เดินทางมากทม. เพื่อร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์ และวันที่ 13 ธ.ค. 64 ก็ไปร่วมชุมนุมกับม็อบจะนะ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการนอนค้างที่กทม.หลายคืน ก่อนจะโพสต์ว่าจะเดินทางกลับบ้าน
รวมทั้งยังอัพเดทว่าตนเองจะโดนคดีหรือไม่ เพราะผมขึ้นเวทีราษฎร์ประสงค์ ร้องเพลงและกล่าวอะไรเล็กน้อยคาดว่า ผมจะโดนอีกหนึ่งคดี งวดที่แล้วก็โดนที่สน.ลุมพินี วันนี้จะไปร่วมกิจกรรมกับพี่น้องจะนะ ก็คาดว่าจะได้อีกหนึ่งคดี ตราบใดที่กฎหมายถูกใช้ผิดทิศทาง กระบวนยุติธรรมเบี่ยงเบน ทุกคนมีโอกาสถูกดำเนินคดีได้ทุกวินาที
อย่างไรก็ตามประเด็นการป่วยของพ่อไผ่ ดาวดิน ถือว่าน่าติดตามว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะหากรอบนี้ไผ่ ดาวดิน ได้รับการประกันตัว ให้ออกมานอกเรือนจำได้ จะต้องไม่ทำผิดซ้ำ ไม่ร่วมม็อบอีก จึงจะได้มีเวลาดูแลพ่อตามที่ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล ต้องการจะเรียกร้อง ขอให้ศาลเมตตาไผ่ในขณะนี้
