เปิดหน้ากองหนุนม็อบชังชาติ-ล้มสถาบัน?!? ทีมสว.เดโมแครตและสว.ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เชียร์ม็อบคลั่งเสนอวุฒิสภาสหรัฐบี้ไทย

3868

สว.พันโทหญิง ลัดดาแทมมี ดักเวิร์ธ อภิปรายสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องของม็อบ 3นิ้วในไทย เมื่อ 4 ธ.ค. ยกย่องสู้เพื่อประชาธิปไตย เผยแพร่โดยเว็บไซต์คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ กลายเป็นประเด็นพาดหัวหนังสือพิมพ์เลือกข้างกันคึกคัก ต้อนรับวันพ่อ-วันชาติ ด้วยเจตนาโจมตีรัฐบาลและสถาบันฯของไทยอย่างโจ่งแจ้ง สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (สอท.)ต้องชี้แจงหน่วยงานภาครัฐว่า ยังไม่ใช่มติวุฒิสภาและหรือรัฐบาลสหรัฐ กลุ่มสว.เดโมแครตกำลังอยู่ระหว่างเสนอ และไม่ได้มีผลทางกฎหมาย คนไทยต้องรู้ทัน ใครบ้างรับลูกต่างชาติทำร้ายประเทศไทย

สื่อเลือกข้างโหมกระหน่ำรัฐบาล-สถาบันรังแกม็อบ

นสพ.มติชน-ข่าวสดฯโหมข่าวแม้ยังไม่ใช่มติวุฒิสภาสหรัฐฯ อ้างความรุนแรงและการปราบปรามจากรัฐบาลฯและสถาบันแต่ไม่เปิดเผยพฤติกรรม ความวิปริต-รุนแรง-และเรียกร้องเปลี่ยนแปลงการปกครองฯของผู้ชุมนุม

รายงานจากนสพ.มติชน: 4 ธ.ค.2563 ตอนหนึ่ง

“เว็บไซต์คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา แสดงจุดยืนสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย โดยจดหมายข่าวของคณะกรรมาธิการนำเสนอโดย บ็อบ เมเนนเดซ , ดิค เดอร์บิน วุฒิสมาชิก สมาชิกคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ และสว.อีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือ แธมมี่ ดักเวิร์ธ สว.อเมริกันเชื้อสายไทย  เน้นย้ำพันธกรณีของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมในประเทศไทย โดยมติดังกล่าวมีขึ้นหลังการประท้วงของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ซึ่งต้องเผชิญกับความรุนแรงและการปราบปรามจากสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาล

งานของล็อบบี้ยิสต์ถล่มไทย?-ทำสอท.เต้น

เบื้องหลังข่าวดังกล่าวเกิดจาก การจัดทำเอกสาร Resolution ซึ่งเป็นมติของกลุ่มสว.สังกัดพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งรวมทั้งสว.ดักเวิร์ธ ซึ่งเป็นข้อเสนอต่อวุฒิสภา ถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมประท้วงในไทย และ สว.โรเบิร์ต เมเนนเดซ (Robert Menendez) สังกัดพรรคเดโมแครต จากรัฐนิวเจอร์ซี -รองประธานกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐ ได้เผยแพร่ในสารสนเทศของวุฒิสภา สหรัฐ

วันที่ 4 ธ.ค.2563 แหล่งข่าวจากกองอเมริกาเหนือ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า สถานเอกอัคราชทูตประจำประเทศไทย (สอท.) ได้รับรายงานเรื่องการเสนอร่าง Resolution ดังกล่าวทางสอท.ประจำกรุงวอชิงตัน เตรียมชี้แจงกับสำนักงานของสว.สหรัฐ และชี้แจงว่า การเสนอร่าง Resolution และการให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยเป็นการดำเนินการของสว.บางกลุ่มในรัฐสภาสหรัฐเท่านั้น ซึ่งอาจได้รับข้อมูลคาดเคลื่อน มิใช่ท่าทีร่วมหรือข้อห่วงกังวลของรัฐสภาสหรัฐฯ

ที่ผ่านมาได้ประสานกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและสถานการณ์การเมืองไทยบนพื้นฐานข้อเท็จจริง อีกทั้ง การเสนอร่าง Resolution ของสว.พรรคเดโมแครต ไม่มีผลผูกพัน (non-binding) และเป็นข้อริเริ่มของวุฒิสภาสหรัฐฯ หากได้รับความเห็นชอบจะไม่มีอำนาจ หรือฐานะเป็นกฎหมาย และจะเป็นเอกสารที่แสดงท่าทีของวุฒิสภาสหรัฐฯเท่านั้น มิใช่ของรัฐสภาหรือรัฐบาลสหรัฐฯทั้งหมด

คำพูดของแทมมี่ ดักเวิร์ธบอกอะไรกับคนไทย?

ด้านวุฒิสมาชิก แทมมี่ ดักเวิร์ธ ชาวเมริกันเชื้อสายไทย ระบุในข้อมติดังกล่าวด้วยว่า “ในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในการประท้วงอย่างสันติ ดิฉันรู้ว่าทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทยที่มีอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น รวมถึง สิทธิในทางประชาธิปไตยของปัจเจกชนที่แบ่งแยกไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะยึดถือและป้องป้องรักษาไว้”

ดักเวิร์ธ ระบุด้วยว่า “ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทั้งในแง่ความมั่นคงและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และชาวไทยภูมิใจในประวัติศาสตร์การปฏิรูปประชาธิปไตยของประเทศ ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้นำไทยฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และเคารพหลักการประชาธิปไตยที่เป็นหัวใจของรัฐบาลที่พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อก่อตั้งขึ้นมา”

“เธอไม่รู้จริงๆหรือว่า ม็อบชังชาติไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่เรียกร้องเปลี่ยนแปลงการปกครองและล้มล้างสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทย “ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” 

เปิดประวัติทางการเมืองสว.ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ 

พันโทหญิง ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ สส.ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เขต 8 จากรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกาวัย 52 ปีรายนี้ เป็นหญิงไทยคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา ในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของรัฐอิลลินอยส์ หลังจากคว้าชัยชนะการเลือกตั้งเหนือ นายมาร์ค เคิร์ก จากพรรครีพับลิกัน

-ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2511 มีมารดาเป็นชาวไทย ละไม ดักเวิร์ธ และบิดาเป็นทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน แฟรงก์ ดักเวิร์ธ คู่สมรส ไบรอัน โบล์บีย์ เธอเกิดที่กรุงเทพมหานคร และย้ายไปอยู่สหรัฐฯ ตั้งแต่อายุ 16 ปี

สมัครเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯในปี 2535 และเลือกที่จะเป็นนักบินขับเฮลิคอปเตอร์ 

-ระหว่างที่เข้าร่วมรบในสงครามอิรักเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2547 เฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็กฮอว์กที่เธอเป็นนักบินผู้ช่วย ได้ถูกยิงตก ซึ่งทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง ส่วนแขนขวาพิการ และแพทย์ได้ทำการต่อแขนข้างขวาให้กับเธอ แต่เธอต้องนั่งบนรถเข็น และใช้ขาเทียมนับตั้งแต่นั้นมา การสูญเสียขาทั้งสองข้างเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอจากฐานะนักบิน หันเหมาสู่การเมืองและรับใช้สังคม 

ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐอิลลินอยส์ เป็นครั้งแรกในปี 2549 แต่ก็พ่ายแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด จากนั้นได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการทหารผ่านศึกประจำรัฐ และเป็นผู้ช่วยเลขาด้านงานทหารผ่านศึก ตามลำดับ 

ปี 2555 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 8 รัฐอิลลินอยส์อีกครั้ง ในฐานะตัวแทนจากพรรคเดโมแครต และชิงชัยเหนือนาย โจ วอลช์ จากพรรครีพับลิกกันได้ในที่สุด

เข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ หรือสภาคองเกรส อย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มกราคม 2556 ลัดดา กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะหญิงแกร่ง ซึ่งเคยผ่านสนามรบในอิรักจนได้รับบาดเจ็บและพิการ ก่อนกระโดดเข้าสู่ถนนการเมือง และสามารถคว้าตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงเชื้อสายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของสหรัฐ โดยเฉือนเอาชนะ โจ วอลช์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน 55% ต่อ 45% หรือคิดเป็นคะแนน 120,774 ต่อ 99,922 คะแนน

ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งแทมมี ได้ครองไปนั้น ยังเคยเป็นตำแหน่งเดิมของนายโอบามา ก่อนจะเข้ามารับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ด้วย

-พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ เยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 3 ก.ย. 2556 ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ  ภายใต้โครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับไทยแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน

การมาเยือน พ.ท.หญิง ลัดดา ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล อีกทั้ง ยังได้ไปบรรยายเรื่องนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมี วิชาวัฒน์ อิศรภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติ

ปี 2560 ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกคนแรกของสหรัฐฯ ที่ให้กำเนิดบุตรขณะดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และสตรีทุพพลภาพคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา