จากที่ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำม็อบราษฎร โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ จนเป็นที่มาให้สงสัยว่าเป็นการสร้างเรื่องโกหกหรือไม่ เกี่ยวกับอาการของเพนกวิน ที่ป่วยโควิดอยู่ในเรือนจำ กระทั่งสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของคนเหล่านี้ว่าย้อนแย้งเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้สำหรับข้อความของ รุ้ง ที่โพสต์ระบุว่า อาการของเพนกวินน่าเป็นห่วงมากๆ ในห้องที่เพนกวินอยู่สภาพแออัด (อยู่กัน 43 คน) หมอจัดยาให้ผิด ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน คนไข้ต้องทำแผลให้กวิ้นเอง แถมยุงเยอะมากๆ แต่ไม่มียากันยุง และนิวก็ไม่กินข้าวมา 4 วันแล้ว เข้าใจว่าสภาพจิตใจคงแย่มากๆ แล้ว
เพื่อนเรากำลังถูกฆ่าลงอย่างช้าๆ จากการปล่อยให้ติดเชื้อโควิด แถมจัดยาผิดให้เพื่อนเรา!!!! #ปล่อยเพื่อนเรา รพ.ราชทัณฑ์ จะรอเพนกวิน อาการหนักค่อยย้ายตัวไปรพ.ธรรมศาสตร์ แล้วถ้าเพนกวินเป็นอะไรไประหว่างนั้นจะทำยังไง!!!!”
ต่อมานายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์แชร์ข้อความเรื่อง การรักษาอาการโควิด-19 ของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่เข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ว่าอาการแรกรับผู้ป่วยรู้ตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ สัญญาณชีพปกติ ค่าออกซิเจนปลายนิ้ว 97% รับตัวในหอผู้ป่วยโควิดเพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด และเริ่มยา Favipiravir เนื่องจากผู้ป่วยน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม
ผลเอกซเรย์ปอด วันที่ 16 สิงหาคม 2564 พบมีฝ้าที่ชายปอดขวาเล็กน้อยและ 18 สิงหาคม หลังให้การรักษาผลลดลงจากเดิม ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบ แพทย์มีการปรับการใช้ยาพ่นโดยแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งยาที่ใช้เป็นยาพ่นโรคหอบพื้นฐานไม่ได้ให้ยาผิดพลาดแต่ประการใด
ขณะที่อาการผู้ป่วยวันนี้พบว่า ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีไข้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีอาการไอมีเสมหะเล็กน้อย แพทย์ยังให้การรักษาด้วยยา Favipiravir ร่วมด้วยกับยาพ่นโรคหอบ ยารักษาตามอาการและสังเกตอาการใกล้ชิด
“กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีภารกิจหลักในการให้บริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ผู้ต้องขังด้วยทีมแพทย์และพยาบาล ตลอดจนเทคโนโลยีและอุปกรณ์ตามมาตรฐาน จึงขอให้ญาติผู้ต้องขังและสังคมเชื่อมั่นในระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขัง และขออย่าหลงเชื่อข่าวหรือข้อความที่เป็นเท็จ” โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าว
กระนั้นเองที่ทำให้สังคมไทยต่างตั้งคำถามว่าเหตุใด เมื่อต้องเข้าเรือนจำ แกนนำม็อบเหล่านี้ถึงมักก่อเรื่องวุ่นวาย สร้างเรื่องโกหกปั่นปลุกระดมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี เพนกวิน ที่ทุกครั้งต้องกลับเข้าคุก หรือ มีเหตุโดนจับกุมตัวก็มักอ้างตัวเองมีโรคหอบ
เช่นนั้นเอง ที่ทำให้ ทีมข่าวเดอะทรูธ อยากพาสังคมไทยช่วยกันพิจารณา เพราะจากากรตรวจสอบพบว่าในการชุมนุมของกลุ่ม“แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมาก็เกิดภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะทั่วไปกับพฤติกรรมของเพนกวินโดยเวลาประมาณ 16.00 น. นายพริษฐ์ ได้เดินทางมาถึงจุดนัดหมายบริเวณแยกอุรุพงษ์ ก่อนที่เคลื่อนขบวนในเวลา 16.30 น. ไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดตลาดราษฎร ให้ผู้ประกอบการที่ได้ผลกระทบจากคำสั่งศบค. มาขายของกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ ทวิตเตอร์ เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเพนกวิน ขณะยืนอยู่หน้ารถบรรทุกที่ใช้เป็นเวที ก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบ ปรากฏว่า เพนกวิน กำลังยืนสูบบุหรี่ โดยข้อความของเจ๊จุก ระบุว่า
“เพนกวินเป็นเยาวชนที่อ่อนแอ เป็นโรคหอบหืด โดนกลั่นแกล้งจากอำนาจรัฐ เพนกวินแท้จริงแล้วเป็นเด็กเรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่พูดอะไรลูกก็ทำตาม ตั้งใจเรียน และเคารพเงื่อนไขที่ให้กับศาลเสมอ ขอให้ทุกคนในสังคมโปรดดูภาพนี้ ให้ภาพมันฟ้องแทนคำบรรยาย # ม็อบส้นตี..คนเชียร์ก็ส้นตี…..”
ฉะนั้นนี่เองที่เป็นที่น่าสังเกตว่า เพนกวิน มีโรคประจำตัวหอบหืด ซึ่งในการยื่นประกันตัว ไม่ว่าจะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ศาล มักมีการอ้างเสมอว่าป่วยเป็นโรคหอบหืด แต่ทำไมถึงมีภาพยืนสูบบุหรี่ เป็นเหตุการณ์ และพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่ และกี่ครั้งที่เพนกวิน มักอ้างถึงอาการป่วยจากโรคดังกล่าว กระทั่งล่าสุดที่รุ้ง ปนัสยาออกมาโกหกอาการป่วย และเรื่องนี้จึงกลายเป็นคำถามว่าบรรดาเพื่อนๆ หรือ ผู้ปกครองได้เคยตักเตือน ห้ามปรามเพนกวินหรือไม่ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคหอบ ว่าไม่สมควรสูบบุหรี่