แกะรอย“เพื่อไทย”แก้ม.112 เกมขยี้ “ก้าวไกล” เปิดศึกการเมือง2ขั้วฝ่ายค้าน

1286

จากการเปิดตัว อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวสุดรักอดีตนายกทักษิณ เพื่อหวังคะแนนคนรุ่นใหม่ ล่าสุดเพื่อไทยรุกต่อเนื่อง ด้วยการโยนแถลงการณ์แก้มาตรา 112 ออกมา จะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากงานนี้เปิดหน้าสู้ก้าวไกลอย่างเต็มที่นั่นเอง!?!

โดยแถลงการณ์ พรรคเพื่อไทยบางช่วงบางตอนระบุชัด มีการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 116 พระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม

ตามที่ภาคประชาชนได้เรียกร้องและเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์ ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่

จากนั้น นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาเป็นพรรคแรกๆ ต้านสุดกำลังในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 โดยพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวนั้น ไม่ได้ไปสร้างความเสียหายความไม่เป็นธรรมให้กับใคร การกระทำที่เป็นความผิดส่วนตัว ไม่ใช่กฎหมายมีปัญหา ความคิด และการกระทำของคนต่างหากที่มีปัญหา เมื่อมีการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผิดถูกก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

“หากมีการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 112 ต่อรัฐสภา พรรคพร้อมค้านเต็มที่ พรรคการเมืองใดยื่นแก้ไข ให้กลับไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดี ที่ได้เคยวินิจฉัยอธิบายความสำคัญของ มาตรา 112 มาตรา 112 ไม่ได้เป็นปัญหาตามที่มีผู้บิดเบือน การเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์  ยื่นเข้าสภาฯเมื่อใด ก็ต้องสู้กัน เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากคิดไม่ดีนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องกล้าหาญยอมรับผล อย่าขี้ขลาดตาขาว ประชาชนควรจับตา เชื่อว่า จะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน” นายราเมศ กล่าว

ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ถามกลับไปยังพรรคเพื่อไทย ว่า มีแนวคิดอย่างไร ในเมื่อวันนี้มีรัฐธรรมนูญที่ปกป้องสถาบันฯ แต่จะไปยกเลิกหรือทำตามคนเพียงแค่กลุ่มเดียว ที่มีพฤติกรรมจาบจ้วง ขอให้ประชาชนทั้งประเทศดูว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย คือการไม่ปกป้องสถาบันใช่หรือไม่ เรื่องนี้คนที่บอกว่ารักสถาบันที่อยู่ในพรรคต้องตอบ

ทั้งนี้นายสิระ กล่าวอีกว่า ตนจะคัดค้านเรื่องนี้ทั้งใน และนอกสภาจนถึงที่สุด ซึ่งมีประชาชนติดต่อตนมาในการร่วมกันลงชื่อคัดค้านการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทุกมาตรา ไม่ใช่เฉพาะมาตรา 112 หรือมาตรา 116  และตนไม่ทราบว่ากฎหมายพวกนี้ติดขัดขวางหูขวางตาพรรคเพื่อไทยอย่างไร เพราะประชาชนยังมีสิทธิปกป้องสิทธิของตัวเองเลย ทำไมสถาบันถึงจะมีไม่ได้ และที่สำคัญหากไม่มีการจาบจ้วงหรือการละเมิดสถาบัน ก็ไม่มีความผิด ตนข้องใจว่า ทำไมกฎหมายอื่นอีกตั้งหลายฉบับที่เป็นประโยชน์กับประชาชนถึงไม่คิดจะแก้ เจตนาหรือคิดกับสถาบันอย่างไรต้องตอบสังคมให้ได้

นั่นคือท่าทีของฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ในแง่ของการเมืองสองขั้ว ฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับฐานเสียงเลือกตั้ง ของสองขั้วนี้ย่อมไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน หมายความว่า มวลชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะเลือกกาพรรคใด พรรคหนึ่ง ตัดสินแบบเลือกข้าง

ดังนั้นเองจึงพอจะเห็นหมากเกมนี้ของพรรคเพื่อไทย ที่จะถูกมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการล็อกเป้าไปที่พรรคก้าวไกล อันนี้ฐานเสียงเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในวัยรุ่น หรือ เจนเอ็กซ์ คนรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างจะยืนอยู่ข้างค่ายสีส้มมาตั้งแต่ครั้งอนาคตใหม่ เช่นนี้นี่คือ สงครามแย่งมวลชน กับคะแนนเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีอีกไม่นาน เป็นศึกที่ถูกวางเอาไว้อย่างดี จากเปิดตัวอุ๊งอิ๊ง แพทองธา ชินวัตร กระทั่งการจุดพลุแก้มาตรา 112 งานนี้นายใหญ่หวังขยี้ก้าวไกล กลายเป็นการเมือง 2 ขั้วภายในฝ่ายค้านกันเอง!?!?