“ดร.อานนท์” มือพระกาฬ เปลี่ยนโจทก์กลายเป็นจำเลย จับตา 24 พ.ย. เป็นพยานต่อศาล คดี “เพนกวิน” ดูทรงแกนนำไม่รอดแน่!

2106

หลังจากเมื่อวันที่ 21 ต.ค 2564 ในเฟซบุ๊กของดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมแนบภาพหมายศาล ที่เรียกตนเองเข้าไปนัดสืบพยานในคดีที่เพนกวินทำผิด

โดยมีการเขียนข้อความไว้ว่า “ท่านอัยการให้ข้าพเจ้าไปทำหน้าที่ ข้าพเจ้าก็ไปทำหน้าที่พยานผู้เชี่ยวชาญ ข้าพเจ้ามิได้มีความโกรธแค้นเคืองใดๆ เป็นการส่วนตัวกับจำเลย ในความเป็นจริงข้าพเจ้าเห็นใจจำเลยที่เป็นเยาวชนที่ยังอ่อนด้อยความรู้และวุฒิภาวะเป็นอย่างยิ่งจนตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม หยุดใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง หยุดเป็นกบฎใต้กระโปรงเถิด ไอ้กะปิบูด ไอ้ตี๋เนรคุณสองแผ่นดิน”

และต่อมาได้มีคอมเม้นต์เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า เจอคนจริง ที่มีความรู้แน่น ๆ แบบนี้ เพนกวินคงรอดยาก ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะโดนกี่ปี ออกมาอีกทีอาจจะเป็นปู่เพนกวินเลยก็ได้ และยังมีคอมเม้นต์ทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้าเด็กมันซ่า อย่าไปใจดีเลยครับ จัดหนักให้เลย ถ้าสอนแล้ว พยายามชี้แนะให้ตาสว่าง คงรอดยากแล้วจริง ๆ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายพรหมศร วีระธรรมจารี, นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์, นายชาติชาย แกดำ, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล ผู้ต้องหาในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย

ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรวมตัวมากกว่า 5 คน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ แต่ปรากฎว่านายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน มี 2 คดี ที่ถูกอายัดตัวที่สน.บางเขน คดี ม.112 แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ แต่ได้มีหนังสือยกเลิกการอายัดตัว ซึ่งผู้ต้องหายังมีหมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาลอาญาอีก 1 คดี จึงยังไม่สามารถปล่อยตัวได้ และเรือนจำฯ ได้ทำหนังสือขออนุญาตกรมราชทัณฑ์เพื่อย้ายไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ในฐานะพยานสำคัญ ที่จะต้องไปขึ้นศาล ในวันที่ 24 พ.ย. 2564 ตามรายละเอียดที่ระบุในหมายศาล ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะที่ผ่านมาดร.อานนท์ เคลื่อนไหวปกป้องสถาบันฯ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับฝ่ายม็อบ 3 นิ้วมาโดยตลอด เพราะแกนนำบางคน นำข้อมูลไปบิดเบือน ทั้งพาดพิงงบสถาบันฯ และโพสต์ดูหมิ่น การที่ดร.อานนท์ ได้เป็นพยานสำคัญในครั้งนี้ คาดว่าจะตอกย้ำความผิดของนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน มากขึ้น

เพราะทางดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ยังได้โพสต์ถึงประสบการณ์ตรงของตนเองด้วยว่า “ผมนี่โดนฟ้องคดีหมิ่นประมาทมาสองครั้งในชีวิต ทั้งสองครั้งโจทก์ที่ฟ้องมาแทบจะกราบตีนขอถอนฟ้อง หรือต้องการให้ศาลยกฟ้อง มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ คือการฟ้องคดีหมิ่นประมาทนี้ ถ้าคนที่ฟ้องเรามามีแผลมากมาย ผมถนัดมากในการหักพยานปรปักษ์ ซักค้านจนพยานฝ่ายโจทก์เหงื่อกาฬแตกพลักๆ หรือได้แต่ตอบว่า ไม่ขอตอบ ไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็น การที่ศาลบันทึกคำให้การไว้จะเป็นประโยชน์ในการที่จะให้เอาไปใช้ในคดีอื่น ๆ ต่อไปได้ครับ นอกจากนี้จำเลยยังเรียกเอกสารการกระทำความผิดของโจทก์ที่มีแผลได้อีกมากมาย จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับรูปคดี

ด้วยเหตุนี้ โจทก์อาจจะกลับกลายเป็นจำเลยได้ง่าย ๆ หากจำเลยซักค้านโจทก์ หรือ จำเลยสามารถหักพยานปรปักษ์ หรือโจทก์มาสารภาพแผลการกระทำความผิดของตนเองกลางศาลโดยความพลั้งเผลอ หรือจำเลยเรียกเอกสารมาก็เป็นการเปิดแผลโจทก์ได้ครับ คนเป็นโจทก์ฟ้องจึงต้องระวังตัวมาก เพราะพลาดมาคือเจ็บหนัก
แบ่งปันประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้ร่วมกันครับ ขอให้ตั้งตรงบนสัจจะ ยึดมั่นในหลักการ ศาลทำงานในพระปรมาภิไธย ”