จากกรณีที่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางเพจ สำนักข่าวราษฎร – Ratsadon News ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ มีมี่ เยาวชนอายุ 17 ปี หนึ่งในสมาชิกเด็กปากแจ๋ว ประกาศโกนผมกลางเวทีชุมนุม โดยระบุข้อความว่า
วินาที ‘มีมี่’ เยาวชนอายุ 17 ปี ประกาศโกนหัวประท้วง จนกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะลาออก เผย ตอนนี้ลาออกจากโรงเรียนแล้ว เพื่อมาเคลื่อนไหวอยู่ข้างประชาชนที่ต้องทุกข์ทนกับการบริการงานของรัฐบาล ทิ้งท้ายถึงคุณครู หนูยังเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ซึ่งต่อมาก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อมาทางเพจ เด็กปากแจ๋ว ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า มีมี่ ยังไม่ได้ลาออกจากโรงเรียน โดยระบุข้อความว่า #ม็อบ9ตุลาคนที่ลาออกจากโรงเรียนคือ ‘ พลอย ‘ นะคะ ส่วนมีมี่ยังคงเรียนอยู่ในชั้น ม.6 ซึ่งกำลังจะจบแล้วในเร็วๆนี้ ส่วนเนื้อหาในปราศรัยคือการออกจากห้องเรียน ออกจากพื้นที่เดิมมาทำกิจกรรมตั้งแต่ม.5 ค่ะ ยังไงการที่เยาวชนคนนึงต้องออกมาเคลื่อนไหวจนสูญเสียอะไรหลายๆอย่างไปในชีวิต มันก็เหมือนกับตราบาปของประเทศชาติแล้วว่าทำไว้เละเทะแค่ไหน
พร้อมกับบอกว่า ขอแก้ข่าวแปปนึง คนที่ลาออกจากโรงเรียน คือพลอยนะคะ ส่วนมีมี่ ยังเรียนอยู่ ส่วนในบทปราศัย คือการออกจากพื้นที่เดิม ออกจาก norm ของสังคมที่ควรนั่งอยู่แต่ในห้องเรียน อันที่จริงคือในกลุ่ม ทุกคนลาออกหมดแล้ว อายุ 15-17 ลาออกหมด เหลือแต่มีมี่ที่ยังกัดฟันอยู่ จะจบแล้ว
จริงๆตั้งแต่เคลื่อนไหวมา นักเรียนลาออกเยอะมาก แค่ไม่ได้ป่าวประกาศให้โลกรู้ เด็กที่ออกมาจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา เด็กคนนั้นไม่ได้ล้มเหลว หรือไม่มีอนาคต แต่เพราะสังคมบั่นทอนพวกเขา และไม่ได้ปูทางที่เหมาะกับพวกเขาไว้ต่างหาก อย่าตัดสินกันเลยนะ
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มกลุ่มเด็กปากแจ๋ว นำโดย น.ส.ณิชกานต์ สงวนสกุล (มีมี่) และ น.ส.เบญจมาภรณ์ สงวนสกุล ก็ได้มีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่บริเวณทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข ประตู 1 เพื่อเรียกร้องถามหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีการนำพวงหรีดระบุชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข จากนั้นกลุ่มเยาวชนพยายามจุดไฟฌาปนกิจหุ่น แต่ยังไม่ทันได้จุด ทางเจ้าหน้าที่ได้ฉีดพ่นดับเพลิงก่อน
โดยทางกลุ่มยืนยันว่าจะเข้าไปทำกิจกรรมด้านในหน้าตึกกระทรวงสาธารณะสุข แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่อนุญาตให้เข้าไปทำกิจกรรมด้านใน เพราะผิดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การควบคุมสถานการณ์ในกรณีเกิดวิกฤต โควิด-19 เกิดความไม่พอใจให้กับกลุ่ม มีการพลักดัน และกระทบกระทั่งเป็นเวลาสั้นๆ พร้อมตะโกนถ้าไม่คืบหน้าอีก 7 วันเจอกัน ก่อนแยกย้าย ทางแกนนำกลุ่มฯ ได้อ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือผ่านตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะยุติการทำกิจกรรม และบอกว่า อีก 7 วัน จะมาอีก หากไม่มีความคืบหน้า
จนต่อมาทาง นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงสาธารณสุข ว่า อย่ามาชุมนุมแบบนี้อีกเลย เพราะทางสธ.มีช่องทางรับข้อร้องเรียน สามารถเลือกใช้ช่องทางที่จัดไว้ให้อย่างสะดวก เนื่องจากการมาชุมนุมแต่ละครั้งในลักษณะก่อความวุ่นวาย จะเพิ่มความเสี่ยงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องเตรียมแพทย์ พยาบาล ระบบการแพทย์ฉุกเฉินรองรับ สำหรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงในการชุมนุมของท่าน ทุกครั้ง วันนี้เสียกำลังแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่มารองรับเหตุชุมนุม แทนที่จะไปดูแลประชาชน ซึ่งเวลานี้หมอ พยาบาล และบุคลากร ต่างมีภารกิจหนักและเหนื่อยมาก ทุกคนปฏิบัติการอย่างหนักมากเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วัน ซึ่งถ้ามีการชุมนุมแทนที่จะได้ไปช่วยดูแลผู้ป่วย ก็ต้องมาดูแลกลุ่มที่มาชุมนุม
อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้บุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขทึ่ต้องทะยอยเลิกงานแยกย้ายออกจากกระทรวงก่อนเวลา รวมถึงการจราจรติดขัดตลอดช่วงบ่ายถึงเย็น ทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมากๆยิ่งถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉิน รถพยาบาลขยับไม่ได้เลย ส่วนกลุ่มที่มาสนับสนุนม็อบ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ก็จะเสี่ยงติดเชื้อ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยปิดกั้นการแสดงข้อเรียกร้องของทุกคน แต่ควรแสดงออกในเชิงบวกและสร้างสรรค์ ขอให้แสดงออกตามช่องทาง ซึ่งทางสธ.มีไว้รับข้อร้องเรียน โดยทางกระทรวงฯ ไม่เคยละเลยข้อเรียกร้องต่างๆ ที่ส่งเข้ามา