เปิดประวัติทะลุแก๊สวัย16 ถูกจับวางเพลิง8คดี อยู่กับครอบครัวบุญธรรม ออกรร.ตั้งแต่ม.2

2105

จากที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความกรณี เบนจา และได้รวบรวมคดีมาตรา 112 ที่ผู้ชุมนุม รวมทั้งแกนนำกลุ่มราษฎร ถูกจับ ไม่ได้รับการประกันตัว รวมผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 20 รายนั้น

ทั้งนี้ช่วงหนึ่ง เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ระบุถึง “นัท เยาวชนอายุ 16 ปี ถูกจับกุมเมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน 2564 และถูกตำรวจแจ้งข้อหาถึง 8 คดีจากเหตุทุบ และเผาตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรในหลายจุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ออกหมายควบคุมตัวไว้ระหว่างสอบสวน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564  และศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีญาติเดินทางมารับรองการประกันตัว เยาวชนรายนี้ ถูกส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจฯ ที่บางนา (บ้านเมตตา)

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564 ศูนย์ทนายความฯ ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวของนัท อีกครั้ง หลังจากได้เดินทางไปเยี่ยมที่บ้านเมตตา โดยเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กว่า

“นัท (นามสมมติ) คือ เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ผู้ถูกจับกุมและถูกกล่าวหาว่า เผาตู้สัญญาณไฟจราจร-ป้อมตำรวจ จำนวน 8 แห่ง ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ในเวลาเช้ามืดของวันที่ 23 กันยายน 2564 และถูกกล่าวหาเป็น 8 คดีด้วยกัน ซึ่งต่อมาศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีผู้ปกครองเดินทางมารับรองการให้ประกันของศาลในวันนั้น

นัทจึงถูกส่งไปควบคุมตัวอยู่ที่ ศูนย์แรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2564 มาจนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ทนายความได้เดินทางไปที่บ้านเมตตาเพื่อพยายามขอเข้าเยี่ยมนัทแล้วหนึ่งครั้ง แต่ทว่าถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า การจะเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้นั้น ทนายความจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายผู้รับผิดชอบคดีก่อน หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องเข้าเยี่ยมพร้อมผู้ปกครอง แต่ในกรณีของนัท ทนายไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเข้าพบนัทมาก่อนอีกด้วย

ในวันดังกล่าว ทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอมีสิทธิเข้าเยี่ยมนัท ต่อผู้อำนวยการสถานพินิจฯ โดยชี้แจงเหตุจำเป็นที่ยังไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองได้ ต่อมาทนายจึงได้รับการติดต่อให้สามารถเข้าเยี่ยมด้วยวิธีการ วิดีโอคอลผ่านทางแอพพลิเคชันไลน์ ในวันที่ 5 ตลาคม 2564

เวลา 10.00 น. เมื่อทนายเดินทางไปถึงบ้านเมตตา เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมอุปกรณ์มือถือสำหรับวิดีโอคอลรอ แต่สัญญาณโทรศัพท์มีความขัดข้อง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์มือถือของทนายความแทน

นัทปรากฏตัว โดยสวมเสื้อของบ้านเมตตา ยืนอยู่ในห้องควบคุมด้วยท่าทางมั่นใจ สุขุม ด้านนอกมีนักจิตวิทยาเด็กคอยยืนถือโทรศัพท์มือถือ และร่วมรับฟังอยู่ด้วย ด้านทนายเองก็มีเจ้าหน้าที่ของสถานพินิจฯ เข้าร่วมอยู่รับฟังการสนทนาอยู่ไม่ไกล จำนวน 2 คน

ทนายเล่าว่าในช่วงต้นของการเข้าเยี่ยมดำเนินไปด้วย ความยากลำบาก เนื่องจากในบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างอับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งทนายและนัทจึงทำได้แต่ทวนประโยคพูดของอีกฝ่ายไปมา จนกระทั่งเวลาล่วงไปเกือบครึ่งชั่วโมง

เมื่อพอจะพูดจากันรู้ความ ทนายจึงเริ่มพูดคุยซักถามประวัติส่วนตัวและภูมิหลังของนัท เด็กหนุ่มเล่าว่า เติบโตขึ้นมาในครอบครัวบุญธรรมตั้งแต่ยังมีอายุได้ไม่กี่เดือน ความไม่พร้อมทำให้ต้องออกการศึกษากลางคันขณะเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2

วุฒิป.6 กลายเป็นวุฒิการศึกษาสูงสุดติดตัวของเด็กหนุ่มมาตั้งแต่นั้น นัทเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี พยายามหาทางรอดให้กับชีวิตทุกวิถีทางด้วยการทำงานรับจ้างเท่าที่เขาทำได้ ทำงานอยู่ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์นานเกือบปี ก่อนจะย้ายมาเป็นลูกจ้างในร้านค้าน้ำกรองบรรจุขวด จนถึงตอนนี้ จนถึงปัจจุบัน นัทถูกควบคุมตัวอยู่ที่บ้านเมตตาของสถานพินิจฯ มาเป็นระยะเวลากว่า 15วันแล้ว”