พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนรับฟังการอภิปรายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า พลเอกประยุทธ์ พาดพิงโครงการจำนำข้าว
เพื่อเบี่ยงประเด็นการบริหารงบประมาณที่ผิดพลาด และได้ตอบคำถามสื่อ ที่กล่าวถึงประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทยได้ในเวลา 6 เดือน ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวกลับไปว่า “หากทำได้ก็ให้กลับมา”
ขณะที่เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวชี้แจงว่า ได้ฟังมาตลอดระยะเวลา 1.30 ชั่วโมง เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดไปมากมายในเรื่องของวัคซีน ในเรื่องโครงการคนละครึ่ง เราชนะหรือโครงการต่าง ๆ ที่ออกไปเป็นการขับเคลื่อนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า ถึงคนจำนวนมากเข้ามารับประโยชน์ในส่วนนี้
ไม่เห็นว่าเป็นภาระที่ต้องจ่ายไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เรามีเงินเพียงพอเราจะดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย เรามีมาตรการระยะสั้นออกมาตามลำดับ แต่ในส่วนของจำนำข้าวที่บอกว่าเป็นนโยบายสาธารณะที่ดี ทำไมไม่มีการตั้งต่อเนื่องโครงการเดียวไปอีก 10 ปี
ประเด็นของจำนำข้าวมีคดีทุจริตที่ปปช. ถูกหรือไม่ พูดแค่นี้คงพอ มีคนถูกดำเนินคดี มีความผิดถูกฟ้อง ติดคุก หนีคดี ไม่อยากจะพูดคำเหล่านี้อีก ส่วนเรื่องหนี้สาธารณะ การระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด ต้องเอาเหตุผล สถานการณ์มาพิจารณาอย่างถ่องแท้ทุกเรื่องตั้งแต่มีเหตุการณ์แพร่ระบาด ก่อนมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในโลก ในเรื่องการกู้เงิน ตนยืนยันว่ายังอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ซึ่งไม่เกิน 60% ของจีดีพี ซึ่งหนี้สาธารณะก็มีเกิน 40% มาโดยตลอด ซึ่งเพิ่มขึ้นตามจีดีพี ตามการลงทุน เพิ่มขึ้นตามการใช้จ่ายในการดูแลประชาชนซึ่งเหล่านี้มีความจำเป็น
ส่วนในเรื่องเงินกู้ที่รัฐบาลกู้มาตั้งแต่ปี 2557-2564 ชำระหนี้ไปแล้ว 2.53 แสนล้านบาท และเงินกู้ที่รัฐบาลกู้มาซึ่งบอกว่ากู้มาแล้วใช้ไม่เป็นประโยชน์ และเงินกู้ตามพระราชกำหนดเงินกู้ วันนี้ได้เบิกจ่ายใช้เกือบหมดแล้วและไปถึงมือประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่แน่นอนว่ายังไงก็ไม่พอ แต่ตนยืนยันว่าจะดูแลต่อไป ใช้ทุกมาตรการที่สามารถดำเนินการได้เพื่อดูแลด้านสาธารณสุข ด้านการป้องกัน ดูแลรักษา คุ้มครองรวมถึงเรื่องการจัดหาวัคซีน ทั้งนี้อยากให้พิจารณามองกลับไปเงินกู้ต่างๆ เรานั้นตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันรัฐบาลได้มีการลงทุนอะไรไปบ้าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสังคม ไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 162 โครงการ ซึ่งหลายเรื่องตนพูดไปแล้วแต่ท่านไม่ได้ฟัง อยากขอให้เปรียบเทียบดูอีกครั้ง
ทั้งนี้สถานะทางการเงินของไทย มีไม่กี่ประเทศในโลกที่ได้รับการประเมินสถานะการเงินการคลังเท่าเดิม เมื่อเทียบกับสถานการณ์โลก ก็มีแต่คนในประเทศที่ปรามาสประเทศตัวเองตลอด ส่วนที่ไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์นั้น เพราะโครงการโคแวกซ์เป็นโครงการที่ต้องร่วมลงทุน แม้มีเจตนาที่จะจัดหาวัคซีนให้ประเทศยากจน ไทยก็ได้พยายามเจรจากับโคแวกซ์มาตลอด แต่เราไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะรับวัคซีนฟรี เพราะไทยอยู่ในฐานะปานกลาง หากเข้าร่วมโครงการต้องซื้อวัคซีนที่แพงกว่า และจะได้ยี่ห้อที่โคแวกซ์เลือกเท่านั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของไทย