จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงทัศนะผ่าน Clubhouse หัวข้อ “เคลียร์ทุกคำถาม ชัดทุกคำตอบ” กับพี่ Tony Woodsome ช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามว่า มีแนวทางปฏิรูปกองทัพอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดรัฐประหาร?
นายทักษิณ ตอบว่า ต้องเริ่มจากการตั้งคำถามเเละพูดคุยกันก่อนว่า กองทัพมีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่ ภายใต้ภูมิทัศน์และสถานการณ์ความมั่นคงปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป การมีนายพลและกำลังพลจำนวนมากไม่ใช่เรื่องที่ดีทั้งในแง่การบริหารและค่าใช้จ่าย โดยสรุปแล้วต้องเริ่มจากการพูดคุยกัน “ผมไม่ได้กลัวทหารปฏิวัติ แต่ผมกลัวคนที่สั่งทหารมากกว่า”
ทั้งนี้เมื่อย้อนไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย นายทักษิณ ชินวัตร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เปิดเผยว่า นายทักษิณ เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. หลังออกมาระบุว่านายทักษิณ อยู่ในขบวนการล้มเจ้า เนื่องจากเห็นว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งการเปิดประเด็นดังกล่าว เป็นการสร้างความแตกแยกให้เพิ่มขึ้น
โดยยืนยันว่านายทักษิณ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันและไม่เคยมีความคิดกระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกันเรียกร้องให้นายสุเทพ พรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลชุดนี้และคนบางกลุ่มในสังคมไทย ยุติการผูกขาดความจงรักภักดี และยุติการนำประเด็นเรื่องสถาบันมาทำลายบุคคลอื่นอย่างไร้คุณธรรม เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการยอมความในเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยจะไปดำเนินการยื่นโดยตรงกับศาลอาญาหรือแจ้งความที่กองปราบปราม และจากที่ได้พูดคุยกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะดำเนินการฟ้องร้องในเรื่องนี้ด้วย
จนมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2555 พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวบนเวทีปราศรัยที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมเปิดคลิปเสียงเพื่อให้ผู้ชุมนุมฟังว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดหมิ่นสถาบัน จาบจ้วงและละเมิดอย่างไร
“พ่อแม่พี่น้องที่รักชาติ เทิดทูนราชบัลลังก์ วันนี้ผมอยากพูดและชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้จาบจ้วงล่วงละเมิดเช่นใด เราจะไม่ตัดคลิป เพราะถ่ายทอดทีวี 5 ช่องให้ชม ผมขอพระราชทานพระราชวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหากตำรวจนำไปและกล่าวหาว่า ผมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผมก็ยอม แต่ผมได้ถวายหัวต่อพระเจ้าแผ่นดินแล้ว” ก่อนจะก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบนเวที และเปิดคลิปเสียงแกนนำนปช.เช่น นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายใจ อึ่งภากรณ์ นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2558 ศาลฎีกาพิพากษา ยืนไม่รับฟ้องคดี “ทักษิณ” ฟ้อง “สุเทพ” กรณีให้สัมภาษณ์ระบุว่า “ทักษิณ” อยากเป็นประธานาธิบดี เมื่อปี 52 ชี้เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม โจทก์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องได้รับการตรวจสอบสูงกว่าคนทั่วไป และคำพูดของจำเลยสืบเนื่องจากการกระทำของโจทก์เอง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาท