จากกรณีที่นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาเปิดเผยปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะประกาศสงครามต่อยูเครนอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็น “วันแห่งชัยชนะ” ของรัสเซียนั้น ว่าไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น นี่เป็นเรื่องที่เหลวไหล นอกจากนี้โฆษกทำเนียบเครมลินยังปฏิเสธข่าวที่ว่า รัฐบาลรัสเซียจะทำการระดมกำลังทหารสำรองในวันดังกล่าวเพื่อเข้าไปทำสงครามในยูเครน หลังจากที่เผชิญการต่อต้านอย่างหนักจากกองทัพยูเครนด้วย
ท่ามกลางปมเดือดที่ยืดยื้อเข้าสู่เดือนที่ 3 ก็มีรายงานข่าวจากสื่อตะวันตกอย่างหนาหู ว่าด้วยเรื่องอาการป่วยของปูติน ที่สื่อตะวันตกวิเคราะห์ว่า ปูตินกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง โดยยังไม่มีแหล่งข่าวอื่นยืนยันได้ทั้งนี้มีรายงานจากสื่อตะวันว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง และจะมีการถ่ายโอนอำนาจชั่วคราวให้แก่นายนิโคไล ปาตรูเชฟ ประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย และเป็นอดีตผู้บัญชาการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (FSB)
อีกทั้งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานด้วยว่า แพทย์หลายรายได้ให้คำแนะนำแก่ปธน.ปูตินเกี่ยวกับการเข้ารับการผ่าตัดดังกล่าว ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของปธน.ปูติน โดยเขาอาจมีอาการป่วยจากโรคมะเร็ง รวมทั้งโรคพาร์กินสัน หลังสื่อรายงานภาพที่ปธน.ปูตินต้องใช้มือจับโต๊ะประชุมในระหว่างการหารือกับนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ที่มีขึ้นในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ การผ่าตัดและการพักฟื้นหลังการผ่าตัดดังกล่าว จะทำให้ปธน.ปูติน ไม่สามารถทำการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีได้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ปูตินจะไม่ถ่ายโอนอำนาจเป็นเวลานานให้แก่นายปาตรูเชฟ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเขา โดยคาดว่านายปาตรูเชฟจะทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีรัสเซียไม่เกิน 2-3 วัน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของรัสเซียได้ออกมายืนยันอยู่เสมอว่า สุขภาพของปูตินนั้นสมบูรณ์และแข็งแรง และหากปูตินป่วยหนักอย่างที่สื่อตะวันตกโหมข่าว คงไม่สามารถจะเดินเหินได้ปกติ รวมทั้งสื่อที่รายงานเรื่องอาการป่วยของปูติน น่าจับตาว่า มีแต่สื่อของอังกฤษ ชาติตะวันตกและสื่อของสหรัฐฯ ที่ต้องการจะเห็นรัสเซียอ่อนแอตามที่ได้วางแผนไว้
