สามนิ้ว-ก้าวไกลสะดุ้ง? “เสรีพิศุทธ์” ประกาศจุดยืน ไม่ยกเลิกม.112 ลั่น จะปกป้องสถาบันด้วยชีวิต!

2120

สามนิ้ว-ก้าวไกลสะดุ้ง? “เสรีพิศุทธ์” ประกาศจุดยืน ไม่ยกเลิกม.112 ลั่น จะปกป้องสถาบันด้วยชีวิต!

จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาประกาศจุดยืนถึงแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 และพรรคเพื่อไทยก็ขานรับ ลงแถลงการณ์ดังกล่าว เหมือนเป็นการประกาศชัดเจนว่า จะเดินเรื่องดังกล่าวในสภา ซึ่งก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพรรคต่างๆก็ได้ออกมาประกาศจุดยืนถึงเรื่องดังกล่าว

ล่าสุดวันนี้ (3 พฤศจิกายน 2564) ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรคต่อ มาตรา 112 ว่า ผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งหมดยังไม่มีประสบการณ์ที่แท้จริง แต่ตนมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ทั้งเป็นผู้กระทำที่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112 ในช่วงที่ตนเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนไม่ได้ส่งฟ้อง และเป็นผู้ถูกกระทำ เพราะตนเองก็เคยโดยยัดเยียดข้อหาตามมาตรา 112 ขณะที่มีการแย่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้น

ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทย ภายหลังได้ดูข้อเท็จจริงและศึกษาข้อกฎหมายมาแล้วก็มีความเห็นเป็นกลาง คือ หากจะยกเลิกก็ไม่เห็นด้วย แต่จะให้ยังมีอยู่ก็ควรแก้ในเรื่องรายละเอียดของบทลงโทษ ควรจะต้องดูที่อัตราโทษว่าเหมาะสมหรือไม่ ในประเด็นที่ว่า ควรยกเลิก หรือควรแก้ไขหรือไม่นั้น ประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”

พรรคเสรีรวมไทย เสนอ ให้แยกคำว่า “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น” ออกจากคำว่า “อาฆาตมาดร้าย” ให้ คง ม.112 ไว้เพียงว่า “อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”

ส่วนที่แยกออกมา ให้กลายเป็น ม.112 / 1 คือ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุก 2 ปีไม่เกิน 5 ปี ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยยินดีให้มีการถกเถียงถึงประเด็นดังกล่าวในสภา

นอกจากนี้ยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเสนอความเห็นส่วนตัวว่า ในฐานะผู้ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ต้องซื่อสัตย์สุจริต ต้องปกป้องสถาบันฯ ด้วยชีวิต การแสดงความคิดเห็นของตนเองจะต้องออกมาในรูปของการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะสถาบันในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยก่อนสถาบันทำคุณงามความดีให้แก่ประเทศชาติมากมาย ปกป้องไม่ให้ศัตรูเข้ามายึดของประเทศไทย และในปัจจุบัน นำเงินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือประชาชน ส่วนปัญหาม.112 ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน มองว่าส่วนหนึ่งเกิดจากผู้บังคับใช้กฏหมายเป็นหลักที่นำมากลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง แต่การแจ้ง ม.112 ก็มีทั้งผู้ที่ไม่สมควรโดน และสมควรโดน

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้นำ 44 ส.ส. ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก 5 ฉบับ ซึ่งรวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ห้ามหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยืนยันว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว มีเป้าหมายและหลักการเพื่อทำให้สถาบันเป็นที่เคารพสักการะ ปราศจากการติฉินนินทา หรือดึงสถาบันออกจากการเมือง ป้องกันไม่ให้ใครแอบอ้างความจงรักภักดีโจมตีอีกฝ่ายหรือใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งปิดปาก