เผยโฉมแล้วคนฉีดวัคซีนเข็มแรกพรุ่งนี้ ผิดคาดไม่ใช่นายกฯ ขณะผู้ติดเชื้อในประเทศต่ำร้อยแล้ว !!

2003

จากกรณีที่มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พรุ่งนี้ 28 ก.พ.64 เวลา 04.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะไปเป็นประธานการฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่สถาบันบำราศนราดูร

โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ไปร่วมด้วย แต่ทั้งนายกฯ และนายอนุทิน จะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในวันพรุ่งนี้ แต่คนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนคนแรกคือ นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความพร้อมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า การฉีดวัคซีนโควิดยังมีในวันที่ 28 ก.พ.ตามกำหนดเดิม แต่เป็นการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนแรกที่จะมีการฉีด ในเวลา 07.30 น.

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมตนจะเดินทางไปให้กำลังใจด้วย ที่สถาบันบำราศนราดูร จากนั้นก็เป็นการฉีดให้กับบุคลากรหน้าด่านที่ทำงานควบคุมป้องกันโรค รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง อย่าง อสม. ส่วนตนหลังจากนั้นจะเดินทางไปที่ จ.สมุทรสาคร ดูความพร้อมในพื้นที่ด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากเป็นดุลพินิจของแพทย์ และต้องการรอการตรวจรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้นำเข้า ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างนำส่ง

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับการฉีดวัคซีนของตนนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของแพทย์ ไม่มีการขโมยซีนท่านนายกฯ ตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด ทั้งนี้วัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยวัคซินซิโนแวค ฉีดให้กับคนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี

ส่วน แอสตราเซเนกา ฉีดให้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นคนตัดสินใจ ส่วนหลังการรับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้น เชื่อว่า ผลลัพธ์ของวัคซีนจะเป็นคำตอบ และหลังการฉีดยังต้องรอดูผลด้วย

ขณะเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 72 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 50 ราย ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร 34 ราย ปทุมธานี 6 ราย กรุงเทพฯ 5 ราย ตาก2 ราย นครปฐม 2 ราย อยุธยา 1 ราย

จากการคัดกรองเชิงรุกผู้ติดเชื้อในชุมชน 13 ราย ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี 8 ราย ตาก 2 ราย สมุทรสาคร 3 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ได้แก่ อิหร่าน 1 ราย ไนจีเรีย 1 ราย ซาอุดิอาระเบีย 1ราย อาร์เมเนีย 1 ราย สหราชอาณาจักร 3 ราย กานา 1 ราย และเมียนมา 1 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 25,881 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 776 ราย ยอดหายป่วยรวม 25,022 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 83 ราย

ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก ยอดติดเชื้อสะสม 113,985,943 ราย รักษาหาย 89,539,707 ราย เสียชีวิตสะสม 2,529,337 ราย ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 114 ของโลก