รวมดารา-นางงามออกตัวแรงหนุนสามกีบแต่จบเห่? ม็อบพัง! ตัวเองติดคดีรุงรัง

10709

จากที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำม็อบคณะราษฎร พูดหลังปราศรัยในม็อบที่หน้า สน.ปทุมวัน ในกิจกรรม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” โดยปลุกระดมมวลชนว่า

น.ส.ปนัสยากล่าวว่า “อยากให้ทุกคนออกมาสู้ด้วยกัน ออกมาบนถนนเยอะ ๆ ให้เกินแสน ให้ถึง 2 ล้านคน เป้าหมายของเราในปีนี้คือการนำประชาชนลงถนนให้ถึง 2 ล้านคน ถ้าเราออกมาขนาดนั้นได้ ความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ พัฒนาประเทศก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีใครหายไปไหน เราแค่ไปเตรียมการว่าจะกลับมาอย่างไรให้ศักดินาตั้งตัวไม่ทัน วันนี้ เราเดินขบวนมา ไม่มีด่านมาสกัด เพราะไม่มีแผน ตำรวจไม่รู้ ขอให้ทุกคนตั้งสติ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะการเคลื่อนไหวนับจากนี้ จะประกาศวันต่อวัน จัดวันไหนบอกวันนั้นทางเพจราษฎร และเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”

ทั้งนี้ แม้ว่าน.ส.ปนัสยา จะปลุกระดมม็อบออกมาชุมนุมให้ได้บรรยากาศแบบเบิ้ม ๆ ยังไงก็ตาม แต่ปรากฏว่าคนออกมาร่วมชุมนุมเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา บรรยากาศการจัดกิจกรรมม็อบเฟสต์ ถนนสามเสน ห่างจากรัฐสภาประมาณ 150 เมตร โดยจัดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา พบว่าแกนนำนัดเริ่มกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. แต่พบว่าเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง มีผู้เข้าราวมกิจกรรมไม่ถึง 200 คน โดยแกนนำมีการสลับกันขึ้นปราศัยการทำงานของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน มีการตั้งจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฏรควบคู่กันไปด้วย ส่วนการจราจรยังสามารถสัญจรได้ 2 เลนสวน โดยผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการอภิปรายมีการจัดให้อยู่ในแผงเหล็กกั้น และก่อนเข้าร่วมกิจกรรมมีการวัดอุณภูมิและให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และกลับบ้านกันไป

เรื่องนี้ น.ส.ปนัสยารีบออกมาเคลื่อนไหวว่า ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราเข้าใจดีว่าคนอาจจะออกมาไม่ได้มากในเวลานี้ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องสถานการณ์ของโรค โควิด-19 จึงยากที่จะออกมารวมตัวกันยากเหมือนเมื่อก่อน ทางกลุ่มไม่ต้องการที่จะเห็นการใช้ความรุนแรงและการสลายการชุมนุม ซึ่งได้ไปร้องขอเจ้าหน้าที่ไม่ให้สลายการชุมนุม เพราะรับปากจะไม่เคลื่อนพลไปที่ไหน ตรงข้ามกับก่อนหน้านี้ที่รุ้งเคยบอกว่า ยิ่งมีการจับกุมตัวเพื่อนเรา คนยิ่งไม่ยอม จะปลุกระดมขึ้นออกมาให้มากขึ้น เป็น 1 แสนคน 2 แสนคน และต้องถึงหลักล้าน

แต่แท้ที่จริงคงไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นหรือมีคำสั่งเตือนเรื่องพรก.ฉุกเฉินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แกนนำม็อบก็ไม่ได้แคร์เรื่องนี้ แต่นั่นเป็นเพราะใกล้ถึงจุดจบของม็อบแล้วต่างหาก ที่มวลชนเริ่มตาสว่าง เพราะม็อบมีแต่ความรุนแรง ไม่ได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างที่พยายามสร้างคำพูดสวยหรู ขนาดรุ้งยังหมดมุกจะเล่น เลยอ้างเชื้อโควิดมาบังหน้า เพราะยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ แม้สถานการณ์ตอนนี้พื้นที่ ที่ติดเชื้อเยอะ มีเพียงไม่กี่จังหวัด ในเขตกทม.และปริมณฑล ตัวเลขน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ ถ้าจะอ้างโควิด-19 น่าแปลกใจว่า ทำไมพวกแกนนำถึงมากลัวโรคร้ายตอนนี้ คนมาชุมนุมน้อยก็เพราะความเน่าเหม็นของแกนนำและการ์ดม็อบที่พยายามใช้ความรุนแรงจนคนเขาตาสว่าง เพราะว่าคนมาไม่ถึงหลักร้อย มีรายงานบรรยากาศว่า จนถึงช่วงค่ำ มีผู้มาชุมนุมประมาณ 600-700 คนเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมความเรียบร้อยประมาณ 4,000 นาย แล้วแบบนี้รุ้ง ปนัสยา จะโทษเชื้อโควิดทำม็อบพัง ไม่อายบ้างหรอ?

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหล่าแกนนำคนต่าง ๆ จะพยายามออกมาปลุกระดมให้มวลชนออกมาชุมนุมอย่างไร แต่กลับพบว่าคนเริ่มกร่อย และไม่ให้ความร่วมมือลงถนน ซึ่งในขณะเดียวกันเหล่าดารา นักแสดง ต่าง ๆ ที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการชุมนุมก็มีท่าทีที่เงียบไปเหมือนกัน เพราะบางคนนั้นถึงขั้นมีคดีติดตัว

โดยไปดูกันที่ เจ้าเก่าเจ้าเดิมอย่างทราย เจริญปุระ อดีตนางเอกสาว ที่ออกตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงม็อบตั้งแต่แรก และพร้อมออกมาเคลื่อนไหวอยู่ข้างม็อบเสมอ จนเจ้าตัวนั้นก็โดนคดีไปตาม ๆ กับกลุ่มเหล่าแกนนำทั้งหลาย

ต่อกันที่ วี วิโอเลต ซึ่งเจ้าตัวเคยได้แชร์คลิปเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจรุมทำร้ายแพทย์อาสา พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจ “รุม” ทำร้ายแพทย์อาสาและประชาชนผู้ประท้วง มีหัวใจกันหรือเปล่า ทำร้ายแพทย์นี่ยิ่งผิดหลักสากลมาก ๆ ตื่นมาเจอกับสิ่งนี้แล้ว รู้สึกหดหู่สิ้นหวังมาก ขอประณามการกระทำนี้” ถ้าเป็นเป็นเมืองนอก หัวหน้าตำรวจคงจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกแล้วล่ะค่ะ ซึ่งขณะที่ในเวลาต่อมามีคนออกมาให้ข้อมูลอีกด้านที่ตรงข้ามกับที่ วี วิโอเลต ออกมาแสดงความเห็น ทำเอาเจ้าตัวก็หน้าหงายไปนิด ๆ

และปิดท้ายที่อีกหนึ่งคนซึ่งออกตัวแรงหนุนม็อบ นั่นคือ เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งเจ้าตัวได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉัน เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ นางงามคนแรกที่โดนแก๊สน้ำตา” พร้อมกับเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

เห็นเค้าวิ่ง เราก็วิ่งด้วย บางคนหยุดกั้นรถให้คนอื่นฝ่าไป บอกแม่ค้าข้างทางให้ยกแผงหนี วิ่งกันกลุ่มใหญ่จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย การ์ดก็ฉีกตัวออกไปทางแมคโดนัลด์ที่มีรถตร.กับคนกระจุกอยู่ (พึ่งรู้ว่าเป็นตอนที่ทำร้ายทีมแพทย์) ส่วนเรารอเพื่อนตามกันทัน อยู่อีกฝั่งของวงเวียน

ไม่มีใครอยากปะทะแก๊สน้ำตานะคะ เรายืนโบกรถอยู่เฉยๆ ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรด้วยซ้ำ เพราะอยู่ห่างจากศาลหลักเมืองระดับนึง ทุกอาชีพโดนได้หมด ที่ผ่านมาหมอ การ์ด นักเรียน ฟรีแลนซ์ พี่แกร๊บ ครู พนักงานออฟฟิศก็โดน คำถามคือเราถูกกระทำแลกกับอะไร? และมันสมควรหรือไม่? ต่างหาก

ไม่แปลกที่จะตั้งคำถามกับความรุนแรง แต่ยืนยันว่าหลายคนในเหตุการณ์พยายามเข้าไปเพื่อโน้มน้าวและต่อรอง เพราะตรงนั้นไม่เหลือแกนนำอยู่แล้ว ไม่ใช่อยากให้เกิดความรุนแรงจากฝั่งผชน.อย่างเดียว พรุ่งนี้ราษฎรมูเตลูยังจัดงานบุญที่อนุสรณ์ 14 ตุลาฯ อยู่ เวลา 15.00 น. ใครว่างก็เรียนเชิญนะคะ” ซึ่งนี่ก็เป็นอีกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวหนุนม็อบ แต่ทว่าท้ายที่สุดก็ต้องหน้าหงายไปตาม ๆ กันอีกคน!!??