ย้อนวีรกรรมซ้ำเดิม “ก๊วนอาจารย์ 3 นิ้ว” เดินเกมปลูกฝังแนวคิดชั่วให้เยาวชน นิยมกฎหมู่เหนือกฎหมาย?

2205

หลังจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้นำกลุ่มไทยภักดี มาตามนัด ยื่น 1 แสนชื่อประชาชน ค้านแก้ม.112 ต่อรัฐสภา และรู้ทันใช้คำ “ปฏิรูป” เพื่อหวังล้มล้างสถาบัน โดยได้เข้ายื่นรายชื่อประชาชน จำนวน 101,568 ชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ต่อ นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง

ยืนยันว่ากฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพ หรือการแสดงออกใด ๆ ของประชาชนทุกกลุ่ม ยกเว้นการกระทำที่ส่อเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น เพราะปัจจุบันมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งมีเจตนาร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง ต้องการล้มล้างสถาบัน แต่ใช้คำกล่าวเลี่ยงว่า ปฏิรูปสถาบัน คนเหล่านี้มีการจัดกิจกรรมแบบสมรู้ร่วมคิด ระหว่างนักการเมือง และผู้ร่วมชุมนุม เพื่อกล่าวเท็จให้ร้าย ใช้วาจาหยาบคายต่อสถาบัน เพื่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาของประชาชน

ล่าสุดนพ.วรงค์ ได้เคลื่อนไหว ผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ท้าเดือดไปยังอาจารย์ที่สนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว โดยระบุว่า #อาจารย์จะกล้าไหม

มีประชาชนจำนวนมากเสนอ ให้ผมทำแพลทฟอร์ม ล่าชื่อล้านรายชื่อ ถอดถอนอาจารย์ แต่ผมลังเลใจ เพราะคิดว่าเขาคงไม่มีสำนึก เย็นนี้ 19 ก.พ.ม็อบสามนิ้ว นัดรวมตัวหน้าสภา น่าจะเชิญ 48 อาจารย์ หรือชุด 255 อาจารย์ มานำม็อบน่าจะดีกว่า

ถ้าแน่จริง ให้หยุดสอน มาร่วมกับม็อบ หลังจากที่อาจารย์เหล่านี้ หลบหลังม็อบมานาน
อยากรู้เหมือนกันว่า อาจารย์เหล่านี้จะกล้ากับ มาตรา 112 ไหม
#รู้ไหมประชาชนเบื่ออาจารย์พวกนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้หมอวรงค์ ก็ยังได้ พูดถึงเรื่องของอาจารย์ที่หนุนหลังม็อบว่า ด่าแต่เจ้าไม่ด่าคนโกง
ดูรายชื่อ 255 อาจารย์ เป็นที่ชัดเจนแล้วครับว่า ถ้าครูเป็นแบบนี้ แล้วศิษย์จะถูกดึงไปทางไหน
สิ่งที่ต้องบอกครูเหล่านี้ว่า ไม่ต้องเสียเวลาเลยครับ “ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น”ถ้าไม่เชื่อมั่นแนวทางนี้ ให้ลาออกไปได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน

 

และต้องบอกว่า อาจารย์ที่เป็นตัวเอ้ในการต้านม.112 และหนุนม็อบ 3 นิ้ว รวมไปถึงออกมาเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว 4 แกนนำราษฎร ต้องยกให้กับ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ และนายธงชัย วินิจจะกูล University of Wisconsin-Madison ทั้ง 3 คนนี้มักถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งอีก กว่า 200 รายชื่อ ที่ร่วมสนับสนุนม็อบ มีทั้งหมด 31 สถาบันด้วยกัน

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ก็เคยได้กล่าวว่า พวกแกนนำและม็อบที่คอยจาบจ้วงสถาบันว่าเลวแล้ว แต่พวกอาจารย์ชั่วเหล่านี้เลวมากกว่า หนุนเด็กไปในทางไม่ดี ผลลัพธ์เลยออกมาเป็นแบบนี้ เด็กเหิมเกริม จนทุกวันนี้มีคดีติดตัว ติดคุกนับไม่ถ้วน แต่พวกอาจารย์กลับสบายใจ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือเพื่อความสะใจของตนเอง


ขณะที่ทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ยังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมผ่านทางเฟซบุ๊กด้วยว่า “ลาออกดีกว่ามั้ย ภาพความเคลื่อนไหวของบรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัย​ ที่แสดงอาการรักลูกศิษย์ที่ถูกควบคุมตัวในคดี 112 เรียกร้องให้ปล่อยตัวหรือได้รับการประกันตัว

ก่อนหน้านี้ เมื่อกลุ่มสามนิ้วออกมาละเมิดกฎหมายมาตรา​ 112​ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ​ ละเมิดองค์พระมหากษัตริย์​ ไม่เห็นอาจารย์ออกมาท้วงติง ห้ามปรามลูกศิษย์เลยว่า มันผิดกฎหมายนะ ทำไม่ได้นะ

มาตรา​ 112 ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่มีไว้ป้องกันสถาบันฯ ไม่หมิ่นประมาท ไม่อาฆาตมาดร้าย​ ก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้ร่างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือเพื่อกลั่นแกล้งใคร​ อย่างที่พยายามกล่าวหา คนทั้งประเทศไม่มีใคร​เดือดร้อน​ มีคนเพียงกลุ่มเล็กๆที่อยากลองดี เสรีภาพในการแสดงออกของทุกประเทศต้องมีขอบเขต​ ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะไม่มีกฎหมายคุ้มครองปกป้องประมุขของประเทศ

อาจารย์บางคนเรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยออกมาแสดงท่าที Call Out ว่า ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112 ประมาณว่า​ เอากันให้ชัด ๆ เลยว่า มหาวิทยาลัยไหนสนับสนุนหรือมหาวิทยาลัยไหนคัดค้านมาตรา​ 112 เพื่อให้เด็ก ๆ เลือกเรียนได้ถูกมหาวิทยาลัย
น่าเป็นห่วงแม่พิมพ์ที่​บิดเบี้ยว​ ป้อนยาพิษให้เยาวชน หลงผิด​ยัดเยียดวิธีคิดผิด ๆ ทำให้ลูกศิษย์ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง

อาจารย์จะนัดหยุดสอน เพื่อกดดันศาลให้ปล่อยตัว ทำเลย หากคิดว่าศาลกลัว แต่เชื่อเถอะศาลไม่โอนอ่อนตามแรงกดดัน ศาลได้เตือนและกำหนดเงื่อนไขตอนประกันตัวแล้วว่า อย่าทำผิดอีก แต่​ไม่เชื่อ​ ศาลไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายแน่นอน ลาออกเถอะอาจารย์ ยกขบวนลาออกประท้วง​เลย​ เผื่ออะไรต่าง ๆ จะดีขึ้น”


อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับประเด็นนี้ ที่อาจารย์และนักวิชาการได้คอยปลุกระดมมวลชนให้ออกมาชุมนุม ในวันที่ 19- 20 ก.พ. 2564 ภายหลังที่การสั่งฟ้อง 18 แกนนำและแนวร่วมกลุ่ม “ราษฎร” อัยการมีคำสั่งให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 8 มี.ค. 2564 แทนนั้น เรื่องนี้ก็ทำให้แกนนำราษฎรและอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังหัวร้อน ผิดแผนการไปตาม ๆ กัน จากตอนแรกจะใช้เรื่องอัยการสั่งฟ้องคดีม.112 มาเป็นชนวนเรียกมวลชนให้ออกมาชุมนุม แต่กลับผิดคาด ไม่รู้ว่าจะเดินเกมต่อไปยังไง

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตบิ๊กข่าวกรอง ก็ได้ฟันธงทำนายไว้ว่า มันมีความผิดปกติที่น่าสนใจว่า ปรากฏการณ์ที่​เห็น​ เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นแผนที่วาดฝันกันไว้ สร้างแนวรบสองสนาม ในสภาและบนถนน

ฝ่ายค้านเสนอญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกและคณะรัฐมนตรี แต่​ที่ผ่านมา​ ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่นักการเมืองเขียนญัตติหมิ่นเหม่ที่จะอภิปรายโฉบเฉี่ยวถึงสถาบันฯ นอกจากนั้น​ มันช่างประจวบเหมาะอะไรขนาดนั้น ที่มี​ ส.ส. เสนอร่างแก้ไขมาตรา​ 112 ซึ่งแน่นอนต้องมีการอภิปรายพาดพิงถึงสถาบันฯอีกเช่นกัน ทั้งสองเรื่องนี้ คาดได้เลยว่า ส.ส.ที่จงรักภักดี​ คงไม่ยอม ต้องมีการประท้วงจนวุ่นวายไปทั้งสภา ส่วนอีกแนวรบ ม็อบสามนิ้วตั้งธง 112 ชัดเจน​ ตั้งเป้าลงถนนนับหนึ่งถึงล้าน​ ชัดเจนว่า 20 กุมภา​ ในสภาจะลงมติไม่ไว้วางใจ​ นอกสภานัดลงถนน มันช่างเหมาะเจาะอะไรจะขนาดนั้น คาดไม่ได้ว่า จะวุ่นวายประมาณไหน ฝ่ายค้านตีรวนวอ​ร์คเอ้าท์​ ? ไม่ร่วมลงมติ ออกมาหาพวกนอกสภา

พลังสามนิ้วนับวันยิ่งถดถอย สร้างแต่ความรุนแรง​ ยั่วยุ​ คนร่วมชุมนุมลดลงอย่างน่าใจหาย พระอาจารย์ใหญ่เจียมถึงเอ่ยปากว่า หมดแล้ว สู้พลังคนที่จงรักภักดีไม่ได้ อย่าดันทุรัง จุดไม่ติด​ คนไม่ร่วม อาจารย์มหาวิทยาลัยกลัวคนน้อย เสนอให้นัดหยุดงานทั่วประเทศ​ คงคิดว่า พม่าทำได้ ทำไมคนไทยจะเอาอย่างไม่ได้ ขอแรงพี่ศรีหน่อยได้มั้ย

เกมง่าย ๆ อย่างนี้ เห็นไส้เห็นพุงหมด อัยการปลดชนวน เลื่อนสั่งฟ้องคดี 112 ออกไปอีกเดือน แกนนำอดนอนคุก หมดเงื่อนไขเรียกแขก 20 กุมภา​ ประสานสองแนวรบลดพลัง สงสัยผิดแผน ?