นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ 3 ข้อ พร้อมกับมีการแขวะพล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะโดนพล.อ.ประยุทธ์ซัดกลับกลางที่ประชุม
จากที่วานนี้ (16 ก.พ. 2564) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ 4 ข้อ
คือ 1.ไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินบ้านพักในค่ายทหาร ถือเป็นการปกปิด ที่ควรแจ้งให้ปปช.ทราบ 2.หนีภาษี เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ2550 3.ความผิดรับประโยชน์จากค่าไฟฟ้า ทุกเดือน ผิดตามกฎหมายปปช. 4. ผิดมาตรฐานจริยธรรม ร้ายแรง
โดยนางอมรัตน์ ได้หยิกยกข้อมูลจากหนังสือ “ลับลวงพราง 5 ศึกชิงอำนาจผ่าแผนปฎิบัติการเลือด” ของ น.ส.สาสนา นาน่วม มาอภิปรายกล่าวอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งทะเบียนบ้านกับบ้านพักจริงคนละที่ โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 702 ที่พักในค่ายทหาร ได้นำบ้านหลังเดิมของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ. ที่อยู่ติดกัน และย้ายออกไป จากนั้นได้มีการขยายพื้นที่ออกไปจากเดิม
ข้อมูลในหนังสือยังระบุว่า มีการใช้บ้านพักแห่งนี้ใช้เป็นเซฟเฮ้าส์ มีการสร้างห้องต่าง ๆ มากมาย ขอให้เปิดเผยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าน้ำ ค่าไฟ นายกรัฐมนตรีหลายคน ไม่เห็นมีใครใช้ชีวิตหรูหรา อยู่แบบหลบซ่อน
ข้อมูลในหนังสือของน.ส.วาสนา ระบุอีกว่า บ้านหลังนี้ วัดระยะจากถนนแล้ว แน่ใจว่า บ้านหลังนี้ เอ็ม79 ยิงไม่ถึง ได้ยินมาด้วยว่า บ้านหลังนี้มีลานจอดเฮลิปคอปเตอร์ มีลานจอดรถใต้ดินด้วย สื่อมวลชน เคยตั้งฉายา พล.อ.ประยุทธ์ อิเหนาเมาหมัด ขอให้ตั้งฉายาใหม่ว่า เป็นนายกฯเต่า ที่หดหัวในกระดอง
นางอมรัตน์ อภิปรายอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังทำผิดกฎหมายป.ป.ช.จากการให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ได้รับประโยชน์จากกองทัพจากการเข้าพักในบ้านพักรับรอง ใช้น้ำไฟฟรี เป็นไปตามที่กองทัพปฏิบัติต่อบุคคลอี่น ๆ นี่คือใบเสร็จที่มัดตัวพล.อ.ประยุทธ์ดิ้นไม่หลุดว่า ได้รับผล ประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท จากกองทัพ ขัดกับกฎหมายป.ป.ช.ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์เกิน 3,000บาท คิดเป็นเวลา 76 เดือน รวมความผิด 76 กระทง ๆ ละ 3 ปี มีโทษจำคุกรวม 228 ปี ทั้งนี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแค่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่หลุดจากสถานะนายกฯ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะหลุดจากคดีอาญาที่รับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท การรับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000บาทได้ มีข้อยกเว้น 2 กรณี คือ
1.ให้โดยธรรมจรรยา เช่น งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ แต่การได้รับประโยชน์จากกองทัพเป็นค่าน้ำ ค่าไฟฟรี ไม่เข้าข้อยกเว้น 2.รับโดยมีกฎหมายให้รับได้ แต่กฎหมายที่ให้นายกฯได้ใช้น้ำไฟฟรี เป็นระเบียบภายในกองทัพ ไม่ได้ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงนำมาอ้างอิงไม่ได้
นอกจากนี้ผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากกองทัพ ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39-40 เพื่อนำไปคำนวณการเสียภาษี แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้นำเอาผลประโยชน์อื่นใดที่เป็นค่าน้ำ ค่าไฟเหลานี้ เดือนหนึ่งน่าจะหลายหมื่นบาท ไปคำนวณการยื่นภาษีภงด.90 ตั้งแต่ปี 57-63 จึงมีความผิดข้อหาหนีภาษีอีกกระทง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯทำไมจงใจหลีกเลี่ยงไม่ยื่นภาษีภงด.90 ทำผิดมา 6ปี ตั้งแต่เกษียณจากกองทัพ เพราะความไม่แยแสกฎหมาย คิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจับได้ และจะเอาความผิดเหล่านี้ ไปยื่นตามแนวทางกฎหมายต่อไป
“อิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่น ของคฤหาสน์บ้านหลวงริมน้ำที่ปลูกเต็มพื้นที่ 3 ไร่ เป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ทำไมมันลึกลับยากต่อการตรวจสอบขนาดนี้ ขนาดกรรมาธิการ ป.ป.ช.แห่งรัฐสภาทั้งขอตรวจสอบไปที่การไฟฟ้านครหลวง ทั้งขอคำชี้แจงจากกองทัพก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสร้างด้วยเงินของท่านเองดิฉันก็คงไม่มายืนอภิปรายในวันนี้ แต่ทั้งหมดสร้างจากเงินภาษีอากรของประชาชนตาดำๆทั้งสิ้น จัดให้อยู่ฟรีมีสุขขนาดนั้นแล้วยังจะหนีการตรวจสอบ ยังจะกล้าหนีภาษีอีกหรือ ซึ่งค่าไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ในคฤหาสน์ริมบึงพื้นที่ 3 ไร่ในค่ายทหารของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีค่าใช้จ่ายเกิน 3 พันบาทตามกฎหมายป.ป.ช.อย่างเห็นได้ชัด” นางอมรัตน์ กล่าว
ขณะที่ทางด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายแทนนายกฯตามที่ได้รับมอบหมาย ว่ากรณีว่าค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ารถ ฯลฯ ที่หน่วยราชการมอบให้ถ้าต้องนำไปคำนวนเสียภาษี จะต้องมีคนเสียแบบเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งอนุมาตรา 6 ระบุไว้ชัดเจนว่า เงินได้พึงประเมินต่อไปนี้ไม่ต้องนำมาคำนวนเสียภาษีเงินได้ ได้แก่ เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เป็นค่าเช่าบ้าน หรือเงินที่คำนวนได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ทางราชการให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินช่วยการศึกษาบุตร ฯลฯ
ทั้งนี้ กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีการแชร์ในโซเชียลฯ อย่างมาก เมื่อนางอมรัตน์ อภิปรายเสียดสีพล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า ช่วงนี้ดูตัวยาว แขนยาว ขึ้นไม่รู้ว่าไปโหนอะไรมา
ระหว่างการอภิปราย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อาทิ นส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา กทม. พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ ๆ ว่า ผู้อภิปรายใช้วาจาเสียดสี ใช้ถ้อยคำรุนแรง แม้นางอมรัตน์ ยอมถอนคำพูดที่เสียดสีเดิม แต่ได้ใช้คำเสียดสีใหม่ เข้ามาทดแทน
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงว่า หลายเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งปปช. ศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างชัดเจน ประเด็นสำคัญ ขอขอบคุณที่บอกว่า ผมตัวผอมลง สูงขึ้น แสดงว่าท่านห่วงใย ผมก็ห่วง ท่านเหมือนกัน เพราะตัวท่านก็เตี้ยลง ทุกวัน ๆ เพราะไปหลบอยู่หลังม็อบทุกวัน
อย่างไรก็ตาม จากคำของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ย้อนไปถึงพฤติกรรมของนางอมรัตน์ ที่เข้าไปร่วมชุมนุมในครั้งต่าง ๆ ไม่เพียงเท่านั้นนางอมรัตน์ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่โพสต์ข้อความบนโซเชียลฯ เพื่อยั่วยุปลุกปั่น ปลุกระดมมวลชน และที่เห็นบ่อยครั้งคือการที่นางอมรัตน์พาตัวเองไปใช้ตำแหน่ง ส.ส. เพื่อประกันตัวเหล่าแกนนำที่โดนแจ้งข้อหาต่าง ๆ