จากที่ก่อนหน้านี้ เคยมีเพจดัง “The METTAD” ได้ออกมาเขียนเนื้อหาถึงม็อบราษฎร ที่กำลังขับเคลื่อนเดินหน้าเรื่องการเรียกร้องในประเด็นต่าง ๆ ด้วยบริบทที่น่าสนใจ โดยเนื้อหานั้นบอกว่า หยุด #ม็อบทรราษ อ้างประชาธิปไตย ใช้ “อนาธิปไตย” อ้างเสรีภาพ คุกคามคนเห็นต่าง แกนนำหมกเม็ด แย่งเงินบริจาคกันเองนั้น
ต่อมาวานนี้ ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ออกหมายเรียกกลุ่มคณะราษฎรจำนวน 22 คน ให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาจากคดีการชุมนุม ซึ่งประกอบด้วย 1.ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย ซึ่งมีประกาศหรือคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
2.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดในลักษณะที่เสี่ยง 3.ร่วมกันกระทำการ หรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป 4.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อการแพร่เชื้อโรค และ 5.ร่วมกันชักชวน หรือแสดงธงอันไม่สมควรต่อธงชาติในบริเวณสถานที่ราชการ
ด้าน นายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ โพสต์ข้อความว่า “อย่างที่อานนท์บอกเอาไว้ถ้าวันนี้แกนนำทั้งหมด ถูก สภ.คลองหลวงฝากขังทั้งหมด ก็ให้ถือเป็นสัญญานที่ทุกคนรู้กัน ใครสะดวกจะสนับสนุนช่องทางไหน ก็จัดมาได้เลยครับ รักไมค์ กวิ้น รุ้ง ฟ้า อานนท์ โต้ ทราย เมเฮม พยาบาลแหวน สต๊าฟภาคี หรือจะเข้าทาง บช.มธ หรือใครที่นอกเหนือจากนี้ จะทางไหนก็ได้ สะดวกใจจะช่วยผ่านทางใด ได้หมดครับ”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นายอิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตนักร้อง นักเคลื่อนไหวการเมืองที่เริ่มถอยห่างจากม็อบราษฎรหลังมีแนวคิดและจุดยืนไม่ตรงกันในเรื่องปฏิรูปสถาบัน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “อั้ม อิราวัต” ว่า ในถนนประชาธิปไตย ไม่มีใครได้อะไรมาฟรี ผมเองบริจาคช่วยน้อง ๆ ทั้งสิ่งของและเงินสู้คดี ช่วยด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องถามว่าหมดไปเท่าไหร่ ถ้าเลือกได้ ผมจะเลือกมอบสิ่งของที่เราเห็นชัด ๆ ผ่านคนที่เราไว้ใจถึงพื้นที่ ถึงมือคนต้องการ
ส่วนเรื่องเงินสด จะโอนผ่านองค์กรสิทธิ์ฯ และหน่วยงานที่มีใบเสร็จ ใบเสร็จการบริจาค ไม่ว่าจำนวนเท่าไหร่ ผมไม่เคยเอาไปลดหย่อนภาษี (อันนี้สรรพากรทราบดี) เพราะคนทำธุรกิจ เราวางแผนไว้เรียบร้อย ถูกต้องตามสัดส่วนวิชาชีพ-รายรับจ่าย ไม่จำเป็นต้องหากินกับเงินบริจาค
หลายปีมานี้ จากประสบการณ์ผม ทุกครั้งที่บริจาค ผมไม่คิดมาก คิดแค่จะให้ ถึงจะให้ไม่ยาก แต่ผมก็เลือก ผมเลือกที่จะไม่ระดมทุนจากผู้อื่น ไม่รับฝากใคร ไม่ระดมทุนจากใคร เพราะทุกสิ่งคือ ภาระผมทั้งหมด
แต่เป็นภาระที่เรา #อิ่มใจ_ได้จริง และเพราะแบบนี้ ผมจึงไม่เล่นกับเงินบริจาค เพราะบาทเดียวก็เป็นกรรม แล้ว “กรรม” ชนิดนี้ มันแรงหลายเท่าทวีคูณ นัก
ไม่เพียงเท่านั้น นายอิราวัต ยังได้เขียนในคอมเมนต์อีกว่า “แต่ใครจะสะดวกอย่างไร เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนนะครับ คนบาปไม่ใช่คนที่ตั้งใจบริจาค หรือคนเปิดรับบริจาค หากแต่เป็นคนที่เอาเงินบริจาคไปใช้อย่างไร บริสุทธิ์เท่าใด มากกว่า” โดนมีนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้ามาส่งสติ๊กเกอร์ถูกใจ
จากนั้น มีผู้เข้ามาถามนายอิราวัตว่า “เราสามารถเอาเงินบริจาคไปซื้อคอนโดส่วนตัวได้มั๊ยครับ??
นายอิราวัต ตอบว่า “ถ้าเลวจริง ๆ ก็ทำได้ครับ แต่เชื่อผมคนพวกนี้มีแต่ภาพ แต่ไม่กล้าโชว์ใบเสร็จ บัญชี และการเสียภาษีเงินได้”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายอิราวัต เคยได้โพสต์ข้อความเอาไว้ว่า อย่างน้อยที่สุด คือต้องแจงบัญชี ครับ หากผู้ขอเปิดบริจาครับโอนเงินจำนวนมากผ่านบัญชีส่วนตัว และไม่ได้ขออนุญาตเปิด เป็นมูลนิธิฯ รายละเอียดเล็กๆ ต้องชี้แจงสรรพากรได้ ไม่งั้น อาจโดนภาษีย้อนหลัง และลามไปถึงประวัติ “เงินได้ส่วนบุคคล” ว่าสอดคล้องกับ “การใช้เงิน” จริง ๆ หรือไม่
เรื่องนี้น่าติดตามครับ สำหรับคนที่อยากช่วยใครทำอะไร ต้องแยกบัญชี และทำบัญชีชัดเจน ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ หากคนรับบริจาค มีใจสุจริต พร้อมเปิดเผยบัญชี-เส้นทางการเงิน
