ดร.นิว ซัด “ธนาธร” ออกมาเห่าเรื่องวัคซีน แต่ปลุกม็อบลงถนนตอนโควิดระบาด ลงหาเสียงไม่ใส่หน้ากาก!?!

1936

ดร.นิว เหน็บใคร ออกมาเห่าเรื่องวัคซีน แต่ปลุกระดมให้คนก่อม็อบลงถนนตอนโควิดระบาด ลงพื้นที่หาเสียงไม่สวมหน้ากากอนามัย จ้องแต่ทำลายประเทศชาติ

จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธาานคณะก้าวหน้า ได้ออกมาโจมตีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับคนไทย โดยโจมตีว่า เป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากการผลิตวัคซีนในครั้งนี้ โดยเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่าด้วยการจัดหาและผลิตวัคซีนโควิดในประเทศไทย ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใดรายหนึ่ง และทำไมรัฐบาลถึงจัดหาวัคซีนได้ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม ซึ่งจากกรณีนี้ก็ได้มีเหล่าแกนนำกลุ่มคณะราษฎรได้ใช้เรื่องวัคซีนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาล

ล่าสุดทางด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีคนไทยบางคนออกมาพูดเรื่องวัคซีน แต่ยังมีการปลุกมวลชนลงถนน และเมื่อตอนลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ก็ไม่ใส่หน้ากากอนามัยหาเสียงด้วย โดยระบุข้อความว่า

มีคนไทยบางคนออกมาเห่าเรื่องวัคซีนโควิด ทั้งๆที่ตอนโควิดระบาดช่วงต้นปี 63 เขายังปลุกระดมให้คนก่อม็อบลงถนนอยู่เลย แถมตอนเลือกตั้งท้องถิ่นปลายปี 63 เขาก็ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยหาเสียงอีก จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเลย เขาสนใจแต่การบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติและสร้างความแตกแยก แล้วดูเหมือนว่าเขาอยากให้ไทยซื้อวัคซีนจากสหรัฐอเมริกาหรือเปล่านะ?

ซึ่งหากย้อนไปเมื่อครั้งที่มีสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือกลุ่มคณะราษฎร ธนาธรเองก็ได้ออกมาสร้างวาทกรรม ที่ว่า สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ในวันนี้ ถ้าไม่ออกมายืนยันปกป้องเสรีภาพของพวกเราเองตั้งแต่วันนี้ วันพรุ่งนี้เราจะไม่เหลืออะไร ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการปลุกระดมให้กลุ่มเยาวชนออกมาก่อม็อบลงถนน ท่ามกลางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และช่วงนั้นก็ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

นอกจากนี้ หากย้อนไปในคืนวันที่ 13 ธ.ค. 2563 บริเวณลานทิวลิปสแควร์ ถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร  นายธนาธร  น.ส. พรรณิการ์ วานิช และปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคนสำคัญทั้ง 3 ของคณะก้าวหน้าได้เปิดเวทีปราศรัยครั้งใหญ่ ช่วยผู้สมัครของคณะก้าวหน้าหาเสียง  เป็นที่น่าสังเกตว่าบนเวทีไม่มีใครสวมหน้ากากแม้คนเดียว เพราะเกรงประชาชนจะจำหน้าผู้สมัครไม่ได้

ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค. 2563 นายธนาธร ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครอีกครั้ง โดยเดินลุยตลาดสดมหาชัย ขอคะแนนเสียงจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาด ให้ช่วยลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้า ส่วนพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า หาเสียงที่สมุทรสาคร วันที่ 13 ธ.ค. โดยหลายช่วงไม่ได้สวมหน้ากาก แม้จะอยู่ในตลาดสดก็ตาม

หลังหาเสียงที่สมุทรสาครวันที่ 15 ธ.ค.แล้ว พบว่าจากนั้นนายธนาธรและคณะ ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงที่ ระยอง ในวันที่ 16 ธ.ค. ส่วน 17 ธ.ค.ไปหลายจังหวัด อาทิ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ มุกดาหาร แล้ววกกลับมาสมุทรปราการ วันที่ 18 ธ.ค.ที่สกลนคร  บึงกาฬ

ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2563 ที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานเมียนมา และผู้คนรอบตลาดกลางกุ้ง จำนวน 548 ราย ซึ่งนายธนาธรและคณะก้าวหน้า ได้เดินทางไปหาเสียงเลือกตั้งนายกฯอบจ.ที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัยด้วย