ศาลรัฐธรรมนูญ ฟันแล้ว “เทพไท” พ้น ส.ส. เซ่นปมทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ.เมืองคอน!!

2980

ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พ้นสภาพส.ส. ปมทุจริตเลือกตั้งนายกฯ อบจ.

เมื่อ09.30 น. วันที่ 27 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีที่คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6 ) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) หรือไม่ จากกรณีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 นายเทพไท ต้องคำพิพากษาศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา จากกรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557

โดยเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง โดยมอบหมายให้นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายเทพไท พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

ดังนั้น สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไท จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง นับแต่วันที่ 16 กันยายน 2563 เป็นต้นไป และถือว่าวันที่ตำแหน่งสมาชิก ส.ส.ว่างลงคือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คือวันที่ 27 มกราคม 2564

อาศัยเหตุผลดังกล่างข้างต้นจึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไท สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6 ) ประกอบมาตรา98 (4) และมาตรา 96 (2) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายเทพไท หยุดปฏิบัติหน้าที่

จุดเริ่มต้นของคดีนี้ เมื่อนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท กรณีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อปี 2556 เรื่องไปตามขั้นตอนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และในปี 2558 ศาลก็ให้ใบแดง “นายมาโนช”

ต่อมา “พิชัย” ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เอาผิดทางอาญา ฟ้องมาโนช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิด ในการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช

ในฐานทำผิด พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ในความผิดฐาน “เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่น”

28 สิงหาคม 2563 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ โดยสั่งจำคุกนายเทพไทและน้องชายนายมาโนช คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทว่าคดียังเป็นเพียงแค่ศาลชั้นต้น และนายเทพไท ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม ผลจากคำตัดสินดังกล่าว กกต.ได้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า กรณีนายเทพไทจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ด้วยหรือไม่

16 กันยายน 2563 ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ กกต.และมีคำสั่งให้ นายเทพไท หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

23 ธันวาคม 2563 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีนายเทพไท และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือลงมติในวันพุธที่ 27 ม.ค. 64 เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังเวลา 15.00 น.

เมื่อ 5 มกราคม 2564 หลังผ่านเทศกาลปีใหม่ นายเทพไทยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้บุคคลที่นายเทพไทอ้างเป็นพยาน ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายคมสัน โพธิ์คง ให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาล และขอเลื่อนการพิจารณาวินิจฉัยออกไปจนถึงวันที่ 25 มีนาคม เพื่อรอฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8

7 มกราคม 2564 ปรากฏว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องของนายเทพไท แล้วเห็นว่าศาลดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ศาลสั่งให้ยุติการไต่สวนแล้ว

เนื่องจากคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 58 วรรคหนึ่ง ไม่มีเหตุผลที่จะกลับคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตตามที่นายเทพไทขอ

27 มกราคม 2564 ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้นายเทพไทสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.