จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กกล่าวตอนหนึ่งถึงผลประกอบการ ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และบริษัทในเครือทั้งหมด
ยังไม่มีบริษัทใดเลยประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน ขาดทุนแทบจะทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่สยามไบโอไซเอนซ์ ก่อตั้งมาแล้วกว่า 10 ปี ด้วยทุนจดทะเบียน 4,800 ล้านบาท โดยมีการขาดทุนสะสมกว่า 581 ล้านบาท จากข้อมูลที่สยามไบโอไซเอนซ์รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
พบว่า ผลประกอบการปี 2556-2562 ขาดทุนอย่างต่อเนื่องหลายสิบล้านบาท แม้ว่าจะมีรายได้รวมที่เข้ามาเพิ่มขึ้นในแต่ละปีก็ตาม พร้อมกับตั้งคำถามว่า “บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เหมาะสมที่จะทำภารกิจผลิตวัคซีนนี้หรือเปล่า” นั้น
ล่าสุด นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า สยามไบโอไซเอนซ์ขาดทุนเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของสยามไบโอไซเอนซ์ คนไทยมีโอกาสรอดชีวิตโดยให้รัฐบาลจ่ายน้อยที่สุดนั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊ก Street Hero Project ยังได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้ ระบุว่า “ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นผู้แทนประชาชนหรือเป็นลูกจ้างธนาธร ก่อนหน้านี้เรี่องวัคซีนเงียบเป็นหมาหงอยเลย แล้วอย่าขยันแต่ในทวิตเตอร์หละ
และยังโพสต์ข้อความอีกด้วยว่า #ว่าด้วยวัคซีน
หากรัฐบาลเลือกใช้แบบนี้
ไฟเซอร์ = แพง จัดเก็บยาก มีคนแพ้ถึงตายไม่ดูข่าวหรือ
โมเดอร์นา = แพงที่สุด รัฐมีใต้โต๊ะมีนอกมีในใช่ไหม
แอสตร้า = ทำไมเอื้อบริษัทสถาบัน (ทั้ง ๆ ที่เขาต้องหยุดโรงงานเพื่อผลิตวัคซีนในราคาถูก)
ชิโนแวค = เอื้อเจ้าสัว (ทั้ง ๆ ที่เขาอยากขายจีนบราซิล อินโดมากกว่า)
ฉีดก่อน = เอาชีวิตคนไทยเป็นหนูทดลอง
ฉีดทีหลัง = ทำไมช้ากว่าประเทศอื่น รัฐบาลไม่มีศักยภาพ
ฉีดนายกและครม. : ว่าแล้วฉีดพวกพ้องก่อนศักดินาต้องได้ก่อน
ฉีดปชช.ก่อน : ไอ้ here เอาพวกกรูเป็นหนูทดลอง โกรธจนตัวสั่น
ซื้อวัคซีนเจ้าเดียว : ผูกขาด เอื้อพวกพ้อง
ซื้อวัคซีนหลายเจ้า : เหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมเห็นคนไม่เท่ากัน
ในหลวงพระราชทานทรัพย์ : รัฐไม่มีศักยภาพต้องให้สถาบันลงมาช่วย
ในหลวงส่งกำลังใจ : ทำไมถึงไม่ช่วยคนไทย มีทรัพย์สินตั้งเยอะ รักลูกไม่เท่ากัน
เอาลูกเอา เจอแบบนี้ใครอยากอธิบายเชิญ แอดขอบาย