ม็อบตีมึน ไม่สนใจความจริง ชำแหละ “รัฐบาลอเมริกา” อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร แทรกแซงประเทศอื่น นับครั้งไม่ถ้วน?

2548

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้ถูกจับตามองและมีการตั้งคำถามอีกครั้ง ถึงความเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาที่พยายามจะแทรกแซงการเมืองในแต่ละประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

แม้จะขึ้นชื่องว่าเป็นดินแดนแม่แบบแห่งงประชาธิปไตย แต่ก็คอยสอดแนม วุ่นวายกับสถานการณ์ของบ้านเมืองอื่น และยังเป็นผู้ที่มีบทบาทอยู่เบื้องหลังรัฐประหารมานับครั้งไม่ถ้วน

ล่าสุดดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ได้วิเคราะห์ถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยระบุว่า “รัฐบาลอเมริกาอยู่เบื้องหลังรัฐประหารเป็นประจำ

หลาย ๆ คนชื่นชมอเมริกาที่ประณามและคว่ำบาตรนายทหารที่ทำรัฐประหารในเมียนมา แต่เวลาอเมริกาอยู่เบื้องหลังรัฐประหารในประเทศอื่น ๆ เพื่อตั้งหุ่นเชิดของตนเองเป็นผู้นำ แล้วกอบโกยผลประโยชน์ ไม่มีใครวิจารณ์เลย มีแต่คนจำพวกที่เรียนรู้ประชาธิปไตยตามตำราแบบนกแก้วนกขุนทองเท่าที่นั้นที่จะหลงเชื่ออเมริกา

สมัยที่อเมริกามีหุ่นเชิดเป็นผู้นำคิวบาชื่อบาติสต้า (Fulgencio Batista) เขาเป็นผู้นำเผด็จการแต่สื่อมะกันยกย่องเพราะอเมริกาได้ประโยชน์ ช่วงเขาเป็นนายก อเมริกาได้ผลประโยชน์อื้อ เช่น บริษัทอเมริกันเป็นเจ้าของธุรกิจเหมืองแร่ในคิวบาถึง 90 % เป็นเจ้าของกิจการสาธารณะอื่นๆ อีก 80 % เป็นเจ้าของกิจการรถไฟ 50% เป็นเจ้าของธุรกิจผลิตน้ำตาล 40 % เงินฝากในคิวบา 50 % เป็นของบริษัทจากอเมริกา (Smithsonian Magazine)

แม้ประเทศจะมีทรัพยากรธรรมชาติมาก แต่ประชาชนคิวบาแทบไม่ได้อะไร ประชาชนคิวบาจึงหนุนให้ฟิเดล คาสโตร ก่อการโค่นรัฐบาลหุ่นเชิดต่างชาตินี้ แล้วสถาปนาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วหันมาใช้ระบบสังคมแทนบริหารประเทศ ฟิเดลก็กลายเป็นฮีโร่ของชาวคิวบามาจนทุกวันนี้

ไม่นานมานี้ ประชาชนโบลิเวียก็จัดการโค่นรัฐบาลหุ่นเชิดอเมริกาลงได้และกำลังดำเนินการเอาเข้าคุกอยู่ ผู้นำบราซิลขณะนี้ก็ได้อำนาจจากสงครามพันทางที่อเมริกาและอิสราเอลส่งซีไอเอและมอสสาดไปช่วย ป่าอเมซอนจึงกำลังถูกนายทุนจากตะวันตกเฮโลเข้าไปทำลายเพื่อหาผลประโยชน์

กรณีเวเนซุเอล่านั้น อเมริกาเคยได้ประโยชน์จากน้ำมันมหาศาล พอหุ่นเชิดถูกไล่ออกแล้วก็โกรธแค้น หาทางกลับไปหาผลประโยชน์เดิม ขณะนี้กำลังให้ซีไอเอกล่าวหาว่านิโคลัส มาดุโร ค้าขายยาเสพติดและส่งเรือรบไปป้วนเปี้ยนเพื่อข่มขู่ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง ตำรวจโลกตัวจริงคือรัสเซียส่งทหารระดับเสนาธิการและนักรบรับจ้างกลุ่ม Wagner เข้าไปช่วยแล้ว

ศึกษาดูให้ละเอียดแล้วจะเห็นว่ารัฐบาลอเมริกานั้นปากอย่างใจอย่าง ปากก็ห่วงมุสลิมโรฮีนจาและอุยกูร์ แต่ว่าที่แล้วมา ก็ส่งเครื่องบินไปถล่มประชาชน มุสลิมในอาฟกานิสถาน เยเมน ซีเรีย อิรักและสนับสนุนให้อิสราเอลกวาดล้างชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากแผ่นดินเกิดตัวเองเป็นประจำ

ขณะนี้ ประชาชนหลายประเทศ เช่น ชิลีและไฮติก็กำลังพยายามโค่นรัฐบาลหุ่นเชิดอเมริกาอยู่ สื่อกระแสหลักของอเมริกาและยุโรปพากันไม่ลงข่าวเพราะตำรวจทหารปราบประชาชนอย่างหนัก รายงานไปแล้ว รัฐบาลอเมริกาจะขายหน้านั่นเอง

ดูรายละเอียดข้างล่างสิครับว่าอเมริกาที่อ้างว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย อยู่เบื้องหลังรัฐประหารในประเทศอื่น ๆ มากี่ครั้งแล้ว ถ้าจะให้ดี ไปค้นดูด้วยว่าระหว่างอเมริกาตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดเป็นผู้นำนั้น อเมริกาได้ประโยชน์อะไรบ้าง แล้วจะอึ้ง

เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้จะเป็นประชาธิปไตยมากหรือน้อย ขึ้นกับว่าให้ผลประโยชน์แก่อเมริกามากหรือน้อยเท่านั้นเองครับ”


ขณะที่เรื่องนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่สหรัฐอเมริกาได้หนุนม็อบ 3 นิ้วในช่วงที่ผ่านมา โดยทางด้านรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Harirak Sutabutr ระบุดังนี้ จากที่ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของกลุ่มหลายกลุ่มที่รวมตัวกันเรียกว่า คณะราษฎร 2563 ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า ฝ่ายม็อบ ผมมีข้อสังเกตุดังต่อไปนี้

1. มีการจับกุมดำเนินคดีแกนนำหลายคน แต่หลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรา 112 ทั้งที่หลายคนทำความผิดตามมาตรา 112 อย่างชัดแจ้ง แต่เลี่ยงไปใช้มาตรา 116 และมาตราอื่น ๆ แทน

2. การจับกุมแกนนำ เป็นการเรียกแขกให้มาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันการเข้ากระชับพื้นที่ เพื่อสลายม็อบ แม้ดูเหมือนเป็นความจำเป็น แต่ผลที่ ตามมาคือ ฝ่ายม็อบนำไปขยายผลทำให้มีคนมาร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ

3. ฝ่ายบ้านเมือง ตามฝ่ายม็อบไม่ทัน ในทุกเรื่องโดยเฉพาะการใช้ social media

4. ข้อเรียกร้อง และทิศทางของฝ่ายม็อบ เป็นไป และเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกันกับ แนวทางของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล

5. การกระทำย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ และองค์พระมหากษัตริย์ทั้งรัชกาลที่ 10 และรัชกาลที่ 9 ด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ทั้งในการปราศรัย ในการชูป้าย ในการรวมกันตะโกนด่า และมีการโพสต์ข้อความใน social media ที่พยายามด้อยค่าผลงานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งหมดนี้ มีมากขึ้นทุกวัน และไปไกลมากจนอาจกู่ไม่กลับแล้ว

6. ใครที่ยังคงเคารพ จงรักภักดีต่อและแสดงการปกป้องพระมหากษัตริย์ จะถูกตราหน้าจากฝ่ายม็อบว่า ไม่ทันยุคสมัย กระทั่งงมงาย

7. ทฤษฎีที่ว่า สหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ความพยายามล้มรัฐบาลนี้ เพื่อต้องการรัฐบาลใหม่ที่ไม่ฝักไฝ่กับจีน ดูท่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นทุกที ล่าสุดสังเกตว่า สื่อต่าง ๆ ของอเมริกัน และที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกา เช่น The Economist ของอังกฤษล้วนลงข่าวเป็นลบต่อรัฐบาล และเป็นคุณกับฝ่ายม็อบทั้งสิ้น สื่ออิสระต่าง ๆ ในประเทศที่ชัดเจนว่าเป็นแหล่งป้อนชุดความคิดให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หลายแห่ง รวมทั้ง NGO ต่าง ๆ ได้รับเงินสนับสนุนจาก National Endowment for Democracy หรือ NED

8. ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะเริ่มดีขึ้น กลับต้องชะงักงันอีกครั้ง กิจกรรมต่าง ๆ ทางธุรกิจที่จะทำให้เกิดรายได้ต่อกันเป็นทอด ๆ ต้องถูกระงับ ถูกเลื่อนออกไป ไม่มีกำหนด

9. สถานการณ์ขณะนี้ ฝ่ายบ้านเมืองกำลังตกเป็นรองฝ่ายม็อบ จนอาจถึงขั้นที่เอาไม่อยู่

10. ประชาชนฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกับม็อบ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้มีจำนวนมากกว่า ยังคงเป็นพลังเงียบ ที่ออกมาอยู่ 2 ข้างทางตามเส้นทางเสด็จ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม เป็นเพียงมวลชนจัดตั้งของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ไม่มีพลัง และไม่มีผลกระทบต่อฝ่ายม็อบแต่อย่างใด

จากนี้ไปคาดว่าฝ่ายบ้านเมืองจะไม่กล้าสลายม็อบอีก แต่น่าจะมีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายต่อไป ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ผลสุดท้ายของการชุมนุมจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ขอฟันธงว่า ในสถานการณ์ที่ยังไม่มีเงื่อนไขที่เพียงพอเช่นนี้ จะไม่มีใครคิดสั้นทำรัฐประหาร ค่อนข้างแน่