“นพ.ทวีศิลป์” ตัดพ้อ เตรียมพิจารณาหน้าที่โฆษกศบค. สื่อสารพลาดโหลดแอพ “หมอชนะ” อัพเดท 3 เงื่อนไข คนเข้าข่ายเจอโทษคุก ฐานผิดพรก.ฉุกเฉิน

4103

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ได้แถลงข่าวสถานการณ์โควิดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ม.ค. 2564 ที่โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

โดยได้เริ่มการแถลง ด้วยการกล่าวขอโทษประชาชนที่เมื่อวานนี้ (7ม.ค.64) ได้บอกว่า 5จังหวัดที่ถูกควบคุมสูงสุด ประชาชน ต้องโหลดแอพ”หมอชนะ” ถ้าไม่ทำ ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษ จำคุก 2 ปีปรับ 4 หมื่นบาทนั้น ต้องขออภัยในการสื่อสารที่ผิดพลาด พร้อมย้ำว่า ไม่ได้ต้องการให้ข่าว เพื่อสร้างความตกใจ รู้สึกเสียใจ และไม่ค่อยสบายใจ แอพหมอชนะ เป็นเครื่องมือติดตามตัวให้การสอบสวนโรค ซึ่งมีความยาก ง่ายขึ้น และเป็นเหมือนพาสปอร์ต ถ้าท่านมี ก็ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น เหมือนเป็นใบผ่านทาง ซึ่งข้อกำหนดฉบับ ที่ 16 ได้กำหนดให้จ้องแสดงหลักฐานในการตรวจคัดกรอง จนกลายเป็นข้อกำหนด ฉบับ ที่ 17 ซึ่งมีการยกระดับพื้นที่ และการคัดกรองต่าง ๆ

“ประกาศฉบับที่ 17 ข้อ 4 ได้ระบุว่า “ผู้ที่ติดเชื้อ” “ปกปิดข้อมูล” ต้องมีสองปัจจัยนี้ ถึงจะมีโทษ หากมีไทยชนะ แปลว่า ไม่ได้จงใจปกปิดข้อมูล แต่หากไม่มีแอพทำให้ไม่มีหลักฐานที่จะแสดงได้ว่า ไม่จงใจปกปิดข้อมูล การสื่อสารวานนี้ ทำให้ไม่สบายใจ ที่เห็นคอมเมนต์ในโซเชียล และเสียใจเพราะเมื่อวานที่ผมสื่อสารไปก็เจ็บปวดหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีความดีใจ เพราะมีคนโหลดแอปฯ หมอชนะมากขึ้น จากวันที่ 5 ม.ค. ดาวน์โหลด 1.5 ล้านครั้ง วันที่ 6 ม.ค. ดาวน์โหลด 1.65 ล้านครั้ง และเมื่อวานวันเดียว (7 ม.ค.) ดาวน์โหลด 3.69 ล้านครั้ง”

สำหรับเรื่องการพิจารณาตัวเอง ในฐานะที่เป็นโฆษกศบค.ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกฯ ซึ่งในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างเป็นทางการคือ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบดูแลภาคอีสานใต้ มีคนในโซเชียลไปค้นเรื่องเงินเดือน มีการตัดต่อคำทั้งหลายให้เอาเงินเดือนไปให้คนอื่นจะดีกว่า ขอเรียนชี้แจงว่า การมาทำหน้าที่โฆษกศบค.ไม่ได้เบี้ยประชุมจากการทำงานตรงนี้ เข้ามาทำงานด้วยใจ เพราะมีเงินเดือนที่ทางราชการจ่ายให้อยู่แล้ว จะใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ไปหารายได้เพิ่มในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ แต่ช่วงนี้มีสถานการณ์โควิด รายได้แทนที่จะได้ กลับไม่ได้

สิ่งสำคัญที่จะนำเรียนขึ้นมา เราเองเป็นข้าราชการ เมื่อนายสั่ง ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมมาจากสายการแพทย์ ต้องเรียนรู้ เรื่อง ความมั่นคง กฎหมาย พยายามทำให้ดีที่สุด เรื่องของการเมือง ผมไม่เคยคิดอยากไปทางนั้นเลย สิ่งที่ได้รับมอบหมายมา อยากทำให้เต็มที่ ในฐานะข้าราชการ เมื่อมีข่าวและกระทบเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว ก็ขอความเห็นใจ แม้ตนเองเป็นจิตแพทย์ ก็กระทบและพยายามสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง พยายามคิดเสมอว่า มันต้องดีขึ้นเสมอ โดยน้อมนำ คำสอนสมเด็จพระสังฆราชมาตลอด ว่า คนที่เกิดมาแล้วช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า การทำงานทุกวันนี้ พยายามสื่อสาร อาจจะผิดบ้างก็ต้องขออภัย ถ้าเราช่วยกัน เราจะชนะได้


ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ พบว่าเพิ่มมาจำนวน 205 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 131 ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก 58 ราย ในสถานที่กักกัน 9 ราย ยืนยันผู้ติดเชื้อสะสม 9,841 หายป่วย 5,255 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ลุกลามในประเทศแล้ว 57 จังหวัด โดยวันนี้มีจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเข้ามา ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบผู้ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 6 คน ในนี้มีเด็กชายอายุ 9 ขวบติดด้วย , ในส่วนพื้นที่กทม.พบผู้ติดเชื้อสะสม ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 63 – 7 ม.ค. 64 รวมทั้งสิ้น 327 ราย

อย่างไรก็ตามทางด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้มีความจำเป็นยิ่ง ที่ไทยต้องเตรียมตั้ง รพ.สนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงหลาย ๆ พื้นที่ ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น พื้นที่ต้องเร่งจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ นำมาพัฒนาเป็น รพ.สนาม ที่สามารถดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แต่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ และรักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง เพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ให้สัมผัสกับคนปกติ

โดย รพ.สนาม มีความจำเป็น 4 ข้อ คือ 1.ผู้ป่วยทั่วไปใน รพ.จะลดการติดเชื้อ แยกแยะระหว่างผู้ป่วยโรคทั่วไป ผู้ป่วยโควิด19 ไม่ให้ปะปนกัน

2.บุคลากรสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล ลดความเสี่ยงติดเชื้อ เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็ม

3. รพ.ในระบบปกติ จะมีเตียงเพียงพอสำหรับผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ไม่ต้องงดรับผู้ป่วยทั่วไป เหมือนช่วงระบาดเมื่อต้นปี 63

4. ชุมชนจะปลอดภัยมากขึ้น เพราะ รพ.สนาม จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ติดเชื้อ ผู้กักกันตัวเองที่อยู่ระหว่างรอผลยืนยัน ช่วยแยกคนติดเชื้อออกจากชุมชน ลดการแพร่เชื้อได้อย่างดี

ตอนนี้ รพ.ต่าง ๆ เริ่มพบคนไข้ โควิด-19 อาการหนักมากขึ้น และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากยุทธศาสตร์ต้นน้ำไม่สามารถคุมการระบาดได้ ยุทธศาสตร์ปลายน้ำจะเอาไม่อยู่ และขอให้มั่นใจว่าหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ก็จะถูกส่งต่อไปยัง รพ.ปกติ แน่นอน

รอบนี้การติดเชื้อมาจากเรื่องที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข การลับลอบเข้าเมือง การสอบสวนโรคจึงทำได้จำกัด ดังนั้นผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อที่ยังไม่เข้าสู่ระบบ ยังปิดบังไทม์ไลน์และไม่กักตัว ยังใช้ชีวิตตามปกติ ยังมีอีกมาก ในที่สุดไทยจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และมีอาการรุนแรงขึ้น จนทำให้เตียงในรพ.ไม่พอ เหมือนหลาย ๆ พื้นที่เสี่ยงที่ รพ.ในพื้นที่เริ่มส่งสัญญาณแล้ว “ผมขอร้องคนไทยทุกคนให้มองตามความจริง ว่า รพ.สนามคือตัวช่วย ให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด-19 มากขึ้น”